เคลมประกันรถยนต์ เคลมอย่างไรให้ถูกต้อง หมดห่วงเรื่องเคลมประกัน
สำหรับคนมีรถยนต์แล้ว การมีประกันรถยนต์นั้นก็ต้องเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นรถเก่า หรือรถใหม่ การมีประกันรถยนต์ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้ความคุ้มครองทั้งรถยนต์ ตัวคุณ และคู่กรณี และยังทำให้เกิดความสบายใจ ปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้น แต่การขับขี่นั้นก็อาจจะพบเจอเหตุการณ์ต่างๆ การเกิดอุบัติเหตุกับรถยนต์ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากจะเจอ แต่ถ้าหากรถยนต์ของคุณเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วต้องจัดการเรื่องการเคลมประกันรถยนต์อย่างไร แล้วการเคลมประกันมีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร และการเคลมประกันแต่ละแบบมีขั้นตอนอย่างไร วันนี้ SILKSPAN สรุปจบทุกขั้นตอนมาไว้ที่นี่แล้ว
เคลมประกัน คืออะไร
การเคลมประกัน ก็คือการที่รถยนต์ของคุณเกิดอุบัติเหตุขึ้น และทำการติดต่อ หรือโทรเรียกบริษัทประกันภัยเพื่อที่ทางบริษัทจะทำการส่งเจ้าหน้าที่เคลมเข้ามาดูแลความเรียบร้อยที่จุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เคลมจะช่วยจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณ รถยนต์คู่กรณี และร่างกาย และถ้าหากเกิดอุบัติเหตุที่ยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าฝ่ายใดฝ่ายถูก ฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด เจ้าหน้าที่เคลมประกันจะช่วยทำการเจรจาเพื่อหาข้อยุติให้กับทั้งฝ่ายคุณ และคู่กรณี ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่เคลมได้ทำการเช็ก และตรวจสอบสภาพรถยนต์เรียบร้อยแล้ว ก็จะทำการออกใบเคลมเพื่อที่จะสามารถใช้เป็นเอกสารในการนำรถเข้าซ่อมไปยังอู่ซ่อมที่คุณต้องการในภายหลัง
การเคลมประกันรถยนต์มีกี่แบบ
สำหรับการเคลมประกันรถยนต์ หลายคนอาจเกิดข้อสงสัย หรือเคยได้ยินคำว่า เคลมสด และเคลมแห้ง ทั้งสองคำนี้เป็นรูปแบบการเคลมประกันรถยนต์เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างไร
เคลมประกันแบบสด
การเคลมประกันแบบสด มักเรียกกันสั้นๆว่า “เคลมสด” เป็นการเคลมประกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทันที เกิดขึ้นตอนนั้น และทำการแจ้งภายในเดี๋ยวนั้น โดยต้องมีความจำเป็นที่จะต้องแจ้ง และทำการติดต่อบริษัทประกันภัยรถยนต์ให้ทำการส่งเจ้าหน้าที่เคลมเพื่อให้เดินทางเข้ามาที่สถานที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินการทำเรื่องเคลมให้ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี หรือไม่มีคู่กรณีก็สามารถทำการการเคลมประกันแบบสดได้หากรถยนต์ของคุณ หรือคู่กรณีเกิดความเสียหายหนักในระดับหนึ่ง เช่น รถพลิกคว่ำ รถชนเสาไฟฟ้า รถชนตอม่อสะพาน หรือจะเป็นเหตุการณ์เช่นการขับลงจากสะพาน แล้วรถยนต์พลิกคว่ำ จะเป็นต้องติดต่อขอความช่วยเหลือเพื่อทำการเรียกรถยก หรือจะเป็นเหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้เกิดรอยแผลใหญ่ให้รถยนต์ ก็จะเรียกว่าเคลมประกันแบบสดด้วยเช่นกัน
สำหรับการเคลมประกันแบบสดมีคู่กรณีนับเป็นเคลมเหมือนในกรณีรถชนรถที่ประกันที่ชั้น ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น1, ประกันรถยนต์ชั้น2+, ประกันรถยนต์ชั้น3+ และประกันรถยนต์ชั้น3 ก็สามารถทำเรื่องเคลมได้ เมื่อเจ้าหน้าที่เคลมได้ทำการพิจารณาแล้วว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด ฝั่งที่เป็นฝ่ายผิดจะต้องทำการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ให้กับคู่กรณีก่อนตามที่ตกลงกันกับบริษัทประกันไว้ หรือในบางบริษัทก็จะทำการสำรองจ่ายไปให้ก่อน และจะทำการเรียกคืนภายใน 7 วัน
และสำหรับการเคลมประกันแบบสด ไม่มีคู่กรณี หากไม่สามารถหาคู่กรณี หรือมีหลักฐานที่ระบุตัวคู่กรณีได้จะต้องทำการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) ในกรณีที่เกิดการเคลมแบบไม่มีคู่กรณีจะมีเพียงประกันรถยนต์ชั้น1 เท่านั้นที่ให้ความคุ้มครอง และสามารถทำเรื่องเคลมได้ โดยจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกตามจำนวนที่ตกลงกันเอาไว้กับทางบริษัทประกันเป็นจำนวนต่อเหตุการณ์ แต่ถ้าหากสามารถหาหลักฐานที่สามารถระบุตัวคู่กรณีได้ เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด กล้องหน้ารถ ก็สามารถทำการแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อใช้เป็นหลักฐานเพื่อที่จะไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (ทั้ง Deductible และ Excess) และทางบริษัทประกันจะทำการดำเนินการเรียกร้องกับคู่กรณีให้ในภายหลัง
เคลมประกันแบบแห้ง
การเคลมประกันแบบแห้ง หรือที่เรียกกันว่า “เคลมแห้ง” เป็นเคลมประกันกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไปแล้ว และทำการเคลมในภายในหลังในระยะเวลาไม่เกิน 2-3 วัน โดยมักจะเป็นอุบัติเหตุเบาๆ เช่น เกิดการเฉี่ยวชน สะเก็ดหินกระเด็นใส่ หรือขับรถครูดราวสะพาน แผลที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ไม่ใหญ่มาก ไม่ได้กระทบต่อการขับขี่ โดยเจ้าของรถ หรือผู้ที่จะเคลมประกันจะต้องมีรายละเอียดการเคลมอย่างชัดเจน เช่น เหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร มีรายละเอียดการเกิดขึ้นที่ไหน วันที่ และเวลาเท่าใด เกิดการชน หรืออุบัติเหตุขึ้นกับสิ่งใด โดยอาจทำการถ่ายรูป หรือคลิปวิดีโอเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แล้วค่อยทำการแจ้งบริษัทประกันเพื่อทำการเคลมในภายหลัง ในบางบริษัทประกันก็จะทำการส่งเจ้าหน้าที่เคลมเข้าไปเช็ก และตรวจสอบสภาพรถเพื่อทำเรื่องเคลมให้ แต่ในบางบริษัทก็สามารถใช้วิธีการทำเรื่องเคลมแห้งแบบออนไลน์ได้เช่นกัน
การเคลมแห้งสามารถเคลมได้เฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น ไม่ว่าจะมี หรือไม่มีคู่กรณีก็สามารถเคลมได้ แต่ถ้าเกิดการเคลมแห้งแบบไม่มีคู่กรณี บริษัทประกันมีสิทธิ์เรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) ที่จะเรียกเก็บเมื่อเกิดการเคลมแบบไม่มีกรณี หรือไม่สามารถระบุสาเหตุได้ และสิ่งสำคัญสำหรับการเคลมประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการเคลมสด หรือเคลมแห้ง หากคุณเป็น “ฝ่ายผิด” เหตุการณ์ และการเคลมที่เกิดขึ้นมีผลต่อค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในปีถัดไปอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็น “ฝ่ายถูก” จะไม่นำเข้ามารวม
วิธีเคลมประกันรถยนต์ มีขั้นตอนอย่างไร
อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะให้เกิด แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว และต้องทำการเคลมประกันจะต้องทำอย่างไร สำหรับหลายคนถึงจะเคยมีประสบการณ์เคลมอยู่บ้าง แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์จริงก็อาจจะเกิดอาการตกใจ ลนลาน และเริ่มต้นไม่ถูก SILKSPAN สรุปขั้นตอนง่ายๆมาให้เรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนการเคลมประกันเบื้องต้น
สำหรับการเคลมประกันในเบื้องต้น จะมีขั้นตอนดังนี้
1.เตรียมกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ของรถยนต์เอาไว้
2.ทำการติดต่อไปยังคอลเซ็นเตอร์สายด่วนของบริษัทประกันที่คุณทำไว้ แจ้งรายละเอียดหมายเลขกรมธรรม์ ชื่อผู้ทำประกัน ทะเบียน ยี่ห้อ รุ่นของรถ สถานที่เกิดเหตุ และอธิบายเหตุการณ์คร่าวๆ เพื่อให้ทางคอลเซ็นเตอร์ทำการประสานเจ้าหน้าที่ประกัน หรือตัวแทนประกันที่อยู่ในจุดเกิดเหตุมากที่สุดเข้ามาตรวจสอบที่สถานที่เกิดเหตุ
3.เตรียมเอกสารสำหรับการยื่นทำเรื่องเคลมได้แก่
- กรมธรรม์รถยนต์
- บัตรประชาชน
- ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์
- เล่นทะเบียนรถยนต์
4.เมื่อเจ้าหน้าที่เคลม หรือตัวแทนประกันเข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ ทำการเจรจา ตรวจเช็กสภาพ และประเมินความเสียหายเรียบร้อยแล้วก็จะทำการออกใบประเมินความเสียหาย หรือเรียกสั้นๆ ว่าใบเคลม ให้สามารถนำรถยนต์เข้ารับการบริการยังอู่ซ่อมในเครือโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
5.เมื่อได้รับใบเคลมประกันแล้ว ก็ทำการติดต่ออู่ซ่อม ไม่ว่าจะเป็นอู่ซ่อมในเครือ หรือศูนย์บริการซ่อมเพื่อทำการตรวจสอบว่ามีคิวหรือไม่ หากไม่มีก็สามารถนำรถยนต์ของคุณพร้อมใบเคลมไปรับการซ่อมได้เลย
ขั้นตอนการเคลมประกันสด
สำหรับการเคลมประกันแบบสดมีขั้นตอนดังนี้
1.เตรียมเอกสารดังต่อไปนี้
- หน้าตารางกรมธรรม์ หรือสำเนากรมธรรม์
- สำเนาทะเบียนรถ (หากมี)
- ใบขับขี่
2.ทำการติดต่อบริษัทประกันภัย เพื่อแจ้งรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับการเคลมรถยนต์ เหตุการณ์ และสถานที่เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะทำการประสานให้เจ้าหน้าที่เคลม หรือตัวแทนประกันที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเข้าไปตรวจสอบที่สถานที่เกิดเหตุในทันที
3.เจ้าหน้าที่เคลม หรือตัวแทนประกันเข้าทำการตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุเพื่อทำการออกใบเคลมให้ ในกรณีนี้หากสรุปได้ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายผิดอาจจะต้องทำการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ให้กับทางคู่กรณีตามที่ได้ตกลงกับบริษัทประกันไว้ หรืออาจเป็นทางบริษัทประกันเป็นฝ่ายสำรองจ่ายไปให้ก่อน และจะทำการเรียกเก็บภายใน 7 วัน
4.เมื่อได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว และได้รับใบเคลม ก็สามารถนำรถยนต์ของคุณเข้าซ่อมที่อู่รถยนต์ในเครือ หรือศูนย์บริการตามความคุ้มครองที่ประกันภัยรถยนต์ทำไว้ได้เลย
ขั้นตอนการเคลมประกันแห้ง
การเคลมประกันแห้งมีขั้นตอนที่แตกต่างกับการเคลมสด เนื่องจากการเคลมแห้งเป็นการเคลมหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไปแล้วในระยะหนึ่ง จึงทำให้ต้องมีขั้นตอนที่แตกต่างกัน
1.ทำการเก็บหลักฐานของการเกิดอุบัติเหตุเอาไว้ให้ได้มาก และชัดเจนที่สุด เช่น ถ่ายรูป หรือวิดีโอ ณ ที่เกิดเหตุ ความเสียหายที่เกิดขึ้น สภาพสถานที่ และรอยแผลที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณ และคู่กรณีในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย รวมถึงบันทึกเวลา และสถานที่ไว้อย่างชัดเจนเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการทำเรื่องเคลม
2.เตรียมเอกสารสำหรับการทำเรื่องเคลมประกันดังนี้
- หน้าตารางกรมธรรม์ หรือสำเนากรมธรรม์
- สำเนาทะเบียนรถ (หากมี)
- ใบขับขี่
3.ติดต่อไปยังคอลเซ็นเตอร์ หรือช่องทางการเคลมอื่นๆ ของบริษัทประกันภัยที่มี แจ้งความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อทำการดำเนินการทำเรื่องเคลม
4.สำหรับบริษัทประกันบางแห่งจะทำการนัดเพื่อเข้ามาตรวจสอบสภาพรถยนต์ว่าเกิดความเสียหายจริงตามที่แจ้งมาหรือไม่ ก่อนจะออกใบเคลม แต่ในบางบริษัทประกัน สามารถทำเรื่องเคลมแห้งในกรณีที่เป็นอุบัติเหตุขนาดเล็กได้ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ โดยการส่งหลักฐานต่างๆ เข้าไปเพื่อดำเนินการทำเรื่องเพื่อออกใบเคลม
5.ในกรณีที่เกิดการเคลมแห้งแบบไม่มีคู่กรณีอาจมีการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) ให้กับทางบริษัทประกัน เป็นจำนวนเงินตามที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์กับบริษัทประกันภัย
6.เมื่อทางบริษัทประกันได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนแล้วก็จะทำการออกใบเคลมให้ เพื่อที่จะให้คุณสามารถนำรถเข้าซ่อมได้
เอกสารเคลมประกัน ต้องใช้อะไรบ้าง
นอกจากการเกิดความเสียหายในแบบการเคลมแห้ง หรือเคลมสด แบบที่มีคู่กรณี หรือไม่มีคู่กรณีแล้ว ประกันภัยรถยนต์ก็ยังให้ความคุ้มครองในด้านอื่นๆเพิ่มด้วยเช่นกัน การร้องขอค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยก็หนึ่งเช่นกัน แล้วต้องเตรียมเอกสารใดบ้าง SILKSPAN มีคำตอบ
กรณีเกิดความเสียหายต่อตัวรถยนต์ผู้เอาประกัน
1.ใบแจ้งความเสียหายของรถยนต์ที่เกิดขึ้น
2.ใบประเมินความเสียหาย หรือ ใบเคลมที่เจ้าหน้าที่หน้าประกันออกให้
3.สำเนาเล่มทะเบียนรถยนต์
4.สำเนากรมธรรม์ประกันภัย และตารางกรมธรรม์
5.สำเนาใบขับขี่
6.บัตรประชาชน
7.รายงานการเกิดเหตุ
กรณีเกิดความเสียหายต่อกระจกรถยนต์
1.ใบแจ้งความเสียหายของรถยนต์ที่เกิดขึ้น
2.ใบประเมินความเสียหาย หรือ ใบเคลมที่เจ้าหน้าที่หน้าประกันออกให้
3.สำเนาเล่มทะเบียนรถยนต์
4.สำเนากรมธรรม์ประกันภัย และตารางกรมธรรม์
5.สำเนาใบขับขี่
6.บัตรประชาชน
7.รายงานการเกิดเหตุ
กรณีรถยนต์สูญหายหรือถูกโจรกรรม
1.สำเนาใบแจ้งความ และผลการดำเนินคดีของตำรวจ
2.กรมธรรม์ประกันภัย และตารางกรมธรรม์ฉบับจริง
3.เล่มทะเบียนรถยนต์ฉบับจริง
4.บัตรประชาชน
5.รายงานการเกิดเหตุ
6.กุญแจรถทุกดอก
7.หากติดไฟแนนซ์ ต้องมีเอกสารมอบอำนาจจากธนาคาร
8.แบบฟอร์มการขอโอนของกรมการขนส่งทางบก
กรณีเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
1.ใบเสนอราคาการจัดซ่อมทรัพย์สินที่เสียหาย หรือใบเสร็จค่าซ่อมในกรณีที่ต้องการเบิกคืน
2.สำเนาบัตรประชาชนหรือเอกสารของเจ้าของทรัพย์สินที่เป็นคู่กรณี
กรณีเกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายบุคคลภายนอก
กรณีที่คู่กรณีบาดเจ็บ
1.สำเนากรมธรรม์ประกันภัย รถคู่กรณี(หากมี)
2.สำเนาใบขับขี่ของผู้ขับขณะเกิดอุบัติเหตุ รถคู่กรณี(หากมี)
3.สำเนาบัตรประชาชน
4.สำเนาใบแจ้งความ และผลการดำเนินคดีของตำรวจ (หากมี)
5.ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลฉบับจริง
6.ใบรับรองแพทย์
กรณีคู่กรณีเสียชีวิต
1.สำเนาบัตรประชาชนของผู้เสียชีวิต
2.สำเนาใบมรณะบัตร หรือหนังสือรับรองการตาย
3.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของทายาทโดยชอบธรรม
4.สำเนาสมุดบัญชีของผู้เคลมหรือทายาทโดยชอบธรรม
กรณีเกิดความบาดเจ็บต่อชีวิต ร่างกาย ผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ.)
กรณีบาดเจ็บ
1.สำเนาใบแจ้งความ และผลการดำเนินคดีของตำรวจ
2.สำเนาบัตรประชาชนของผู้ได้รับบาดเจ็บ
3.ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลฉบับจริง
4.ใบรับรองแพทย์ (หากมี)
กรณีเสียชีวิต
- สำเนาใบมรณะบัตร หรือหนังสือรับรองการตาย
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของทายาทโดยธรรม
กรณีทุพพลภาพถาวร
- บัตรประจำตัวผู้พิการ
ระยะเวลาการพิจารณาเคลมประกันรถ
สำหรับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ บริษัทประกันภัยจะเริ่มทำการพิจารณาการเคลมประกันให้หลังจากได้รับเอกสารครบถ้วน และถูกต้องแล้ว โดยใช้เวลาพิจารณาประมาณ 15 วันทำการ หากข้อมูลถูกต้องครบถ้วน สามารถทำการเคลม และรับค่าสินไหมทดแทนได้ทันที แต่ถ้าหากมีจุดต้องสงสัย หรือลักษณะการเคลมไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่มีในกรมธรรม์ ระยะเวลาอาจขยายออกตามความจำเป็นเพื่อเพิ่มเวลาพิจารณา แต่ต้องไม่เกิน 90 วันนับตั้งแต่ได้รับเอกสารครบถ้วน และสำหรับการเบิกเคลมประกันของประกันรถยนต์ภาคบังคับ เมื่อยื่นเอกสารที่ถูกต้อง และครบถ้วนแล้ว จะใช้เวลาพิจารณา 7 วันทำการ หากข้อมูลถูกต้องครบถ้วนก็สามารถรับค่าสินไหมทดแทนได้ในทันทีเช่นกัน
การเคลมประกันรถ ควรทำตอนไหน
การเคลมประกันรถยนต์ สำหรับการเคลมสดเหตุการณ์ที่เกิดอุบัติเหตุหนัก มีรอยแผลใหญ่เกิดขึ้นกับตัวรถ หรือจะเป็นกรณีที่ไม่สามารถทำการเจรจากับคู่กรณีได้ในทันที สามารถติดต่อทางบริษัทประกันภัยที่ได้ทำไว้เพื่อทำการประสานงานส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดการไกล่เกลี่ย และเจรจาหาข้อยุติ และทำการออกใบเคลมได้เลยในทันที แต่สำหรับการเกิดอุบัติเพียงเล็กน้อย มีเพียงการเฉี่ยวชน ฝ่ายเรา หรือคู่กรณีอาจไม่สะดวกรอประกันมาทำเรื่องเคลมให้ได้ ก็อาจใช้การถ่ายรูป เก็บหลักฐานไว้เพื่อทำการเคลมแห้งได้ในภายหลัง แต่ไม่ควรเกิน 2-3 วัน หรือ 72 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ เพื่อที่จะได้ติดต่อบริษัทประกันเพื่อทำการเคลม และรับใบเคลมแล้วจึงนำรถส่งซ่อม
กรณีใดบ้างที่จะไม่สามารถเคลมประกันรถได้
ถึงแม้ว่าประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมในหลากหลายเหตุการณ์ยิ่งในประกันชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมแล้ว แต่ก็ยังมีหลากหลายเหตุการณ์ที่ประกันรถยนต์ไม่ได้ให้ความคุ้มครอง และถ้าหากฝ่าฝืนทำ และเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะไม่สามารถเคลมประกันได้
1.ใช้รถนอกอาณาเขตประเทศไทย ประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครอง และสามารถให้เคลมได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุภายในประเทศไทยเท่านั้น หากมีความจำเป็นต้องใช้งานรถยนต์ขับขี่ไปประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง สามารถทำการสอบถามบริษัทประกันเพื่อทำการซื้อประกันภัยเสริมได้
2.ใช้รถในทางที่ผิดกฎหมาย เช่น ขนยาเสพติด, ขับย้อนศร, ขนย้ายแรงงานผิดกฎหมาย
3.ใช้งานรถนอกเหนือจากที่กรมธรรม์ระบุไว้ ใช้งานผิดประเภท เช่น แจ้งไว้ในกรมธรรม์ว่าเป็นรถส่วนตัว แต่นำรถไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ยกตัวอย่างเช่นทำประกันให้รถกระบะเป็นประเภทการใช้งานส่วนตัว แต่ทำไปรับจ้างขนย้าย หรือขนส่งในเชิงพาณิชย์ หากเกิดความเสียหาย หรือเกิดอุบัติเหตุประกันจะไม่ให้ความคุ้มครอง และไม่สามารถทำเรื่องเคลมได้
4.ใช้รถในการก่อจลาจล หรือสงครามกลางเมือง
5.ไม่มีใบขับขี่ หรือใบขับขี่ขาดต่อเกิน 3 เดือน
6.เมาแล้วขับ มีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมขึ้นไป
สรุปขั้นตอนการเคลมประกัน
การเคลมประกันรถยนต์สามารถแบ่งได้ง่ายๆ เป็น 2 ประเภท เป็นการเคลมประกันแบบสด หรือ เคลมสด เป็นการเคลมที่เกิดขึ้นใน ณ เวลานั้นๆ มักเป็นอุบัติเหตุใหญ่ มีรอยแผลใหญ่กับรถยนต์ มีการส่งผลต่อการขับขี่ของรถยนต์ที่อาจไม่สามารถขับไปต่อได้ หรือจะเป็นการที่อาจไม่สามารถเจรจากับฝ่ายคู่กรณีได้ จึงจำเป็นจะต้องให้ทางบริษัทประกันเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยให้ และการเคลมอีกประเภท คือ การเคลมประกันแบบแห้ง หรือ เคลมแห้ง เป็นการเคลมที่เคลมหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นๆ ไปแล้วโดยทำการเคลมภายใน 2-3 วัน หรือ 72 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุการณ์ สามารถใช้หลักฐานเช่น ภาพถ่ายของรถยนต์ และสภาพโดยรอบอย่างละเอียดทำเรื่องเคลมในภายหลัง
แต่ไม่ว่าจะเป็นการเคลมสด หรือการเคลมแห้ง หากเป็นฝ่ายผิด จะมีผลต่อค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในปีถัดไปอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นฝ่ายถูกประวัติการเคลมแล้ว จะไม่ได้ถูกรวมลงไปในส่วนที่ใช้คิดค่าเบี้ยประกันในปีถัดไป และถ้าคุณกำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ SILKSPAN รวบรวมประกันภัยรถยนต์จากบริษัทชั้นนำกว่า 20 แห่งมาให้คุณได้เลือกสรร ทำประกันออนไลน์ง่ายๆ กับ SILKSPAN เราพร้อมให้คำปรึกษาด้านประกันภัยครบวงจร