ทุนประกันภัย คืออะไร เกี่ยวกับคุ้มครองรถอย่างไร
การทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นสิ่งที่ต้องคู่กับเรื่องที่คนมีรถยนต์ทุกคนต้องรู้ สำหรับการทำประกันรถยนต์การเลือกทำประกันภัยในแต่ละชั้น ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 2+, ประกันรถยนต์ชั้น 3+ และประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็ล้วนที่จะที่ต้องเกี่ยวข้องกับคำว่า ทุนประกันภัย แล้วคำว่าทุนประกันภัย คืออะไร? นี้เกี่ยวข้องกับประกันรถยนต์อย่างไร แตกต่างกับเบี้ยประกันภัยหรือไม่ ทุนประกันภัยเกี่ยวข้องกับการได้รับความคุ้มครองมากหรือน้อยแค่ไหน
เมื่อเลือกทำประกันภัยถรถยนต์แล้วไม่ว่าจะทำประกันภัยรถยนต์ผ่านทางบริษัทโดยตรง หรือทำประกันออนไลน์ก็ล้วนที่จะต้องเกี่ยวข้องกับทุนประกันภัยรถยนต์อย่างแน่นอน โดยทุนประกันที่แตกต่างกันมีผลอย่างไรต่อการคุ้มครองรถยนต์ของคุณเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือรถยนต์ได้รับความเสียหาย เราจะพาไปไขข้อสงสัยว่าทุนประกันภัย คืออะไร ทุนประกัน หมายถึงอะไร และข้อสงสัยอื่น ๆ เกี่ยวกับทุนประกันภัย กันในบทความนี้
ทุนประกันภัย คืออะไร
ทุนประกันภัย คือ ค่าสินไหมทดแทนที่ทางบริษัทประกันภัยจะทำการจ่ายให้กับทางผู้เอาประกันภัยเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับรถยนต์ ตามวงเงินประกันที่ได้มีการตกลงไว้เพื่อทำการซ่อมแซม และดูแลความเสียหายกับรถยนต์ของคุณตามเงื่อนไขของประกันภัยรถยนต์แต่ละชั้น นอกเหนือการการซ่อมแล้ว หากรถยนต์ของคุณเกิดความเสียหายโดยสิ้นเชิง เกิดความเสียหายหนักทางบริษัทประกันภัยก็จะทำการดูแลเรื่องการเคลมขายซากรถด้วยเช่นกัน ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่าทุนประกันภัย คือค่าสินไหมทดแทน ดังนั้นจึงมีความเกี่ยวข้องกับการคำนวณค่าเบี้ย ซึ่งทั่วไปจะมีการคำนวณที่ประมาณ 80% ของราคากลางของตลาดสำหรับรถยนต์ใหม่ป้ายแดง และจะลดลงทุกปี ประมาณ 10% หรือลดลงตามราคากลางของรถยนต์รุ่น และยี่ห้อนั้นๆ ตามราคากลางของตลาด สำหรับสิ่งที่ควรรู้อีกสิ่ง คือ บริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองตามทุนประกันภัยในตามเงื่อนไขต่างๆ ที่ได้มีการระบุไว้ตามประกันภัยในแต่ละชั้น ซึ่งจะมีการคุ้มครองในเรื่องต่างๆ ที่แตกต่างกัน
ทำไมจึงควรรู้ว่าทุนประกันภัย คืออะไร
ทุนประกันภัย คือส่วนสำคัญในการทำประกันรถยนต์ การที่จะทำประกันรถยนต์ และรู้ได้ว่ารถยนต์ของคุณได้รับความคุ้มครองมากน้อยแค่ไหนในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เช่น รถชนรถ รถไฟไหม้ โดนน้ำท่วม หรือรถหาย ทุนประกันรถยนต์ คือส่วนสำคัญที่จะบอกว่าทางบริษัทประกันจะทำการดูแลค่าซ่อม ค่าสินไหม ค่าชดเชยเป็นจำนวนวงเงินเท่าไหร่ ยิ่งในกรณีที่เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าบริษัทประกันอาจมีวงเงินการให้ความคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุม หรือมีวงเงินทุนประกันภัยไม่สูง ทางเจ้าของรถยนต์ หรือผู้เอาประกันภัยจะได้มีการคำนวณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจต้องทำการจ่ายเองเพิ่มได้ด้วยตัวเองว่าคุ้มค่ากับการซ่อม หรือส่งซ่อมที่อู่ซ่อมไหนดี ซึ่งทุนประกันภัยจะมีจำนวนมากหรือน้อยก็มีผลจากการที่รถยนต์ของคุณเลือกทำประกันภัยชั้นไหน และรถยนต์เป็นรถใหม่ หรือรถที่มีอายุซึ่งทั้งหมดนี้มีผลต่อทุนประกันภัยอย่างแน่นอน
ทุนประกันภัยต่างจากเบี้ยประกันภัยอย่างไร
คนมีรถที่ต้องทำประกันภัยให้กับรถยนต์ของคุณ หลายคนก็อาจจะเคยเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับคำว่า “ทุนประกันภัยรถยนต์” และ “เบี้ยประกันภัยรถยนต์” ว่าเกี่ยวกัน หรือแตกต่างกันอย่างไร สำหรับคำสองคำนี้มีสิ่งที่คล้ายคลึงกันนั้นก็คือการเป็นจำนวนเงินทั้งคู่ แต่ก็มีสิ่งที่แตกต่างเช่นกัน
ทุนประกันภัย คือ ค่าสินไหมที่ทางบริษัทประกันจะทำการชดเชยให้กับคุณตามจำนวนวงเงินประกันที่ได้ทำเอาไว้สำหรับเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับรถยนต์ของคุณ เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือรถหาย ทุนประกันภัย คือสิ่งที่จะให้ความคุ้มครอง และชดเชยตามเงื่อนไขของประกันภัยรถยนต์ที่ได้ทำไว้ ซึ่งจะมีความแตกต่างในการคุ้มครองที่ต่างกันในประกันภัยรถยนต์แต่ละชั้น เช่น เป็นรถใหม่ป้ายแดงทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่าในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุประเภทรถชนรถ หรือประเภทที่ไม่มีคู่กรณีที่ประกันชั้นอื่นๆ ไม่ได้ให้ความคุ้มครอง และเช่นเดียวกันกับรถที่มีอายุ 7 ปีเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็จะให้ความคุ้มครองกับอุบัติเหตุกรณีรถชนรถ และไม่คุ้มครองอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ดังนั้นก็สามารถสรุปได้ง่ายๆ ว่าทุนประกันของประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่เป็นรถใหม่ป้ายแดงก็ย่อมสูงกว่า
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ เป็นจำนวนเงินที่ต้องให้ทางผู้เอาประกันภัย หรือผู้ที่ทำประกันภัยให้กับรถยนต์จำเป็นจะต้องทำการจ่ายให้กับบริษัทประกัน เพื่อทำการซื้อความคุ้มครองให้แก่รถยนต์ของคุณ สามารถเลือกจ่ายเต็มเป็นเงินก้อน หรือสามารถเลือกจ่ายเป็นการผ่อนรายเดือนก็สามารถทำได้เช่น เมื่อทำการจ่ายค่าเบี้ยประกัน หรือเริ่มจ่ายในงวดแรกไปแล้ว รถยนต์ของคุณก็จะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขที่มีการระบุไว้ในกรมธรรม์ทันที ซึ่งค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ จะต้องจ่ายสูง หรือต่ำก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างทั้งที่เกี่ยวกับทางผู้ขับขี่ ผู้ทำประกันภัยให้กับรถยนต์เอง และก็เกี่ยวกับทุนประกันภัยรถยนต์ด้วยเช่นกัน หากต้องการให้รถยนต์ของคุณได้รับความคุ้มครองที่สูง ต้องการทุนประกันภัยที่สูง ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่คุณจะต้องจ่ายก็จะเป็นจำนวนที่สูงขึ้นอีกเช่นกัน
ทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับเบี้ยประกันภัย : เบี้ยประกันภัย คืออะไร สำคัญอย่างไร
วิธีคำนวณทุนประกันภัย
ทุนประกันภัย คือค่าสินไหมที่จะต้องมีการคำนวณ โดยปกติจะคำนวณจาก 80% ของราคากลางของตลาดรถยนต์ โดยมีการวิเคราะห์คำนวณข้อมูลจากยี่ห้อของรถยนต์ และรุ่นรถยนต์นั้นๆ ซึ่งจะทำให้รถยนต์แต่ละคันมีจำนวนวงเงินทุนประกันที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น
นาย ซ. ซื้อรถยนต์ที่มีราคา 1,500,000 บาทจะมีทุนประกันเท่าไหร่?
รถยนต์ราคา 1,500,000 บาท
ทุนประกัน 80% คิดเป็น 1,500,000 x 80% = 1,200,000 บาท
สรุปได้ว่า ในปีที่ 1 ที่มีการทำประกัน รถยนต์ของนาย ซ. จะมีวงเงินทุนประกันเป็นจำนวน 1,200,000 บาท
และถ้ามีการต่อประกันภัยรถยนต์ในปีถัดไปจะมีการคำนวณค่าทุนประกันภัย คือจะทำการคำนวณจาก 80% ของทุนประกันในปีแรก
ทุนประกันในปีแรก 1,200,000 บาท
ทุนประกันภัยในปีที่ 2 คิดเป็น 80% ของปีแรก จะได้เป็น 1,200,000 x 80% = 960,000 บาท
สรุปได้ว่าถ้านายซ. ได้ทำการต่อประกันภัยในปีที่ 2 ทุนประกันภัยจะเท่ากับ 960,000 บาท
ซึ่งสูตรในการคำนวณ และจำนวนเปอร์เซ็นที่นำมาคิดคำนวณของแต่ละบริษัทประกันภัยก็จะมีจำนวนที่แตกต่างกัน ตามเงื่อนไข และราคากลางของราคารถยนต์ในตลาดในช่วงเวลานั้นๆ อีกด้วยซึ่งโดยปกติรถใหม่ก็มักจะได้ค่าทุนประกันภัย โดยปกติจะอยู่ที่ราว 80-85% ของราคากลางของรถยนต์ และจะลดลงประมาณปีละ 10% ลงไปเรื่อยๆ
หลักการเลือกทุนประกันภัย เท่าไหร่ถึงจะเหมาะกับเรา
การเลือกทุนประกันสูง หรือต่ำก็มีผลในการได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกัน มีผลต่อการการซ่อม การให้การดูแลต่อรถยนต์ของคุณอย่างแน่นอน
1.ทุนประกันสูง เบี้ยประกันสูง แต่ได้รับความคุ้มครองสูงเช่นกัน
การเลือกทุนประกันภัย คือ การเลือกความคุ้มครองให้แก่รถยนต์ ซึ่งถ้ามีจำนวนวงเงินที่สูง ก็จะทำให้รถยนต์ของคุณได้รับความคุ้มครองที่สูง ได้รับความคุ้มครองในกรณีต่างๆ ในจำนวนวงเงินที่เรียกได้ว่าแทบจะครอบคลุมจะการซ่อม และการชดเชยในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุแบบรถชนรถ หรือแบบไม่มีคู่กรณี การที่เลือกทุนประกัยภัยที่สูงก็จะได้รับความคุ้มครองในส่วนนี้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วทางเจ้าของรถ หรือผู้เอาประกันรถยนต์ก็แทบจะไม่ต้องจ่ายค่าอะไรเพิ่มเติมเลย เพราะการทุนประกันภัยสูง รถยนต์ของคุณก็จะได้รับความคุ้มครองแล้ว แต่การที่ทุนประกันภัยสูงก็จะส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นด้วยเช่นกัน แล้วด้วยเหตุผลนี้ รถยนต์ที่เหมาะสำหรับการเลือกทำประกันภัยรถยนต์ที่มีทุนประกันที่สูงจะเหมาะกับ
- รถใหม่ป้ายแดง
- ผู้ที่ยังไม่เชี่ยวชาญในการขับรถ
- ผู้ที่ต้องการให้รถยนต์ได้รับความคุ้มครองสูงสุด
2.ทุนประกันต่ำ เบี้ยประกันน้อยลง และได้รับความคุ้มครองน้อยลง
เมื่อเลือกทำประกันภัยรถยนต์ที่มีทุนประกันภัยต่ำ ก็จะทำให้รถยนต์ของคุณได้รับความคุ้มครองที่น้อยลงตามลงไปด้วย และจะไม่คุ้มครองอุบัติเหตุในบางกรณีที่ทางบริษัทประกันภัยไม่ได้ให้ความคุ้มครองตามที่มีระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งก็หมายถึงทุนประกันภัย คือ ความคุ้มครองที่จะได้รับ ประกันภัยทุนประกันต่ำจึงเหมาะกับ
- รถยนต์ที่มีอายุแล้ว
- ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการขับขี่
- รถยนต์ไม่ได้มีการใช้งานบ่อยๆ
- ผู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย ประหยัดค่าเบี้ยประกัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับทุนประกันภัย
ทุนประกันรถยนต์ ลดลงปีละเท่าไร?
ทุนประกันภัย คือ วงเงินที่ได้รถยนต์ของคุณจะได้รับในการคุ้มครอง แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า ทุนประกันภัยมีการลดลงในทุกๆ ปี ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว สำหรับการคำนวณค่าทุนประกันรถยนต์ จะอิงการคำนวณจากราคากลางของรถยนต์ตามราคาตลาด โดยเฉพาะรถใหม่จะมีการคิดคำนวณโดยอิงราคากลางที่จะต้องระบุเฉพาะเจาะจงของแต่ละยี่ห้อ และรุ่นรถยนต์ที่จะมีความเฉพาะ และมีทุนประกันภัยที่ไม่เท่ากัน แต่สำหรับรถยนต์โดยทั่วไปที่เคยผ่านการใช้งานมาในระดับหนึ่งแล้ว ทุนประกันรถยนต์จะมีการลดลงทุกปี ปีละประมาณ 10% อยู่เสมอนั่นเอง
สามารถเปลี่ยนอัตราทุนประกันภัยภายหลังได้หรือไม่?
หากคุณต้องการลด หรือเพิ่มทุนประกันภัยให้กับรถยนต์ของคุณสามารถทำการติดต่อตัวแทนประกันภัยที่ให้ความดูแลรถยนต์ของคุณเพื่อทำการสอบถามเงื่อนไขในการขอลด และเพิ่มทุนประกันให้กับรถยนต์ของคุณ เช่น สำหรับการเพิ่มทุนประกันภัยรถยนต์ แน่นอนว่าเมื่อมีการเพิ่มทุนประกันภัยรถยนต์แล้ว และมีการเริ่มผ่อน หรือจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยไปแล้ว จะต้องมีการคำนวณค่าทุนประกันภัยใหม่ ตรวจสอบสภาพรถยนต์ใหม่ เพื่อทำการคำนวณค่าเบี้ยประกันภัยที่จะต้องชำระต่อไป ซึ่งการการเปลี่ยนจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ และเงื่อนไขที่มีระบุไว้ในกรมธรรม์ด้วยเช่นกัน
เมื่อเบี้ยประกันสูงเนื่องจากทุนประกันสูง สามารถลดค่าเบี้ยได้จากอะไรบ้าง
ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์มีผลโดยตรงจากค่าทุนประกันภัย คือ หากต้องการให้รถยนต์ของคุณได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ ค่าทุนประกันภัยก็จะมีจำนวนที่สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งการที่ทุนประกันภัยสูงก็จะทำให้ค่าเบี้ยประกันมีจำนวนที่สูงขึ้น แต่ก็ยังมีสิ่งที่ช่วยให้รถยนต์ของคุณได้รับความคุ้มครองตามทุนประกันภัยที่ต้องการ แต่จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยในจำนวนที่ต่ำลง
1.ประวัติการขับขี่
หากคุณต่อประกันกับทางบริษัทเดิม และมีประวัติการขับขี่ที่ดีก็จะทำให้คุณได้รับส่วนลดประวัติการขัยขี่ดีเพิ่มเติมเข้าไปด้วย ซึ่งประวัติการขับขี่ดี วัดจากการเคลมรถยนต์ในปีก่อนว่ามีการเบิกเคลมในกรณีที่เป็นฝ่ายผิด หรือเคลมแบบไม่มีคู่กรณีหรือไม่ หากไม่มี หรือเป็นการเคลมในกรณีที่เป็นฝ่ายถูก คุณก็จะมีสิทธิได้ส่วนลดเพิ่มเติมจากประวัติการขับขี่
2.ส่วนลดระบุผู้ขับขี่
ผู้ขับหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าเมื่อทำการระบุชื่อผู้ขับขี่ลงไปในกรมธรรม์แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปจะสามารถระบุได้ 2-3 คนจะสามารถช่วยลดค่าเบี้ยประกันลงได้ โดยมีการคำนวณส่วนลดจากอายุของผู้ขับขี่ที่มีอายุน้อยที่สุด
3.ประเภทของรถยนต์
สำหรับในบริษัทประกันบางแห่งจะมีการจัดอันดับความปลอดภัยของรถยนต์ในแต่ละรุ่น ที่อาจมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ หรือเสี่ยงในการเกิดการขโมย ซึ่งจะถูกนำมาพิจารณาในขั้นตอนคำนวณค่าเบี้ยประกัน
4.ส่วนลดโปรชันอื่นๆ จากทางบริษัทประกัน หรือโบรกเกอร์
บริษัทประกัน และโบรกเกอร์อาจมีการเสนอโปรโมชันส่วนลดพิเศษต่างๆ ที่จะมอบให้เป็นกรณีพิเศษเมื่อทำประกันภัย หรือต่อประกันกัยกับทางบริษัท อาจจะได้รับเป็นสิทธิส่วนลด หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานรถยนต์ของคุณ
สรุปทุนประกันภัย คืออะไร สำคัญอย่างไรเมื่อต้องทำประกันรถ
ทุนประกันภัย คือ จำนวนวงเงินของค่าสินไหมทดแทนที่ได้มีการระบุไว้ในกรมธรรม์ว่าทางบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่รถยนต์ของคุณได้ทำไว้ จะให้ความคุ้มครอง และการดูแลเป็นจำนวนเงินในวงเงินเท่าไหร่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น นอกจากการเลือกประกันภัยในแต่ละชั้นจะมีผลต่อวงเงินทุนประกันภัยแล้ว อายุ และสภาพของรถยนต์ก็ผลต่อทุนประกันภัยเช่นกัน หากรถใหม่ก็จะได้รับทุนประกันที่สูง และรถยนต์ที่มีอายุแล้วก็จะมีทุนประกันภัยที่ต่ำลง ซึ่งทุนประกันภัย คือสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับเบี้ยประกันภัยที่จะต้องทำการจ่ายให้กับทางบริษัทประกันภัยเพื่อทำการซื้อความคุ้มครอง หรือการทำประกันภัยรถยนต์นั่นเอง ยิ่งคุณต้องการให้รถยนต์ได้รับความคุ้มครองที่สูง ได้รับทุนประกันภัยที่สูง ราคาของเบี้ยประกันที่คุณจะต้องจ่ายให้บริษัทประกันก็จะยิ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน