เคล็ดลับประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์
ทำไมต้องทำประกันภัยรถยนต์
ในเมื่อรถยนต์มีประกันภัยภาคบังคับ หรือการทำพ.ร.บ.ให้กับรถยนต์ไปแล้ว แล้วทำไมรถยนต์ของคุณยังต้องการการดูแล และความคุ้มครองจากประกันภัยภาคสมัครใจเพิ่มเติม เพราะประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับนั้นจะให้ความคุ้มครองเฉพาะ “คน” เท่านั้น ซึ่งเมื่อคุณต้องการให้รถยนต์ของคุณได้รับความคุ้มครองด้วยนั้น การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ก็เป็นทางออกที่ทำให้รถยนต์ของคุณได้รับความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจากกรณีที่รถชนรถ หรือจะเป็นกรณีที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ หรือปัจจัยภายนอกต่างๆ แต่การที่รถยนต์ของคุณจะได้รับความคุ้มครองที่มากขึ้นก็ต้องมาพร้อมกับราคาค่าเบี้ยประกันภัยที่ต้องมีราคาที่เพิ่มขึ้นด้วยตามความคุ้มครองที่ต้องการ เมื่อราคาเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นจะมีวิธีทางใดบ้างที่จะช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกัน และลดการใช้เงินของคุณได้บ้าง
ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ราคาถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง
ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์จะราคาแพงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความคุ้มครองตามที่คุณต้องการ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการเพิ่ม หรือลดราคาเบี้ยประกันเช่นกัน
การระบุค่า Deduct
ค่า Deduct หรือ Deductible หรือคือ ค่าเสียหายส่วนแรกที่สามารถระบุไว้ในกรมธรรม์เพื่อให้ได้รับส่วนลดตามจำนวนที่ได้มีการระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ สามารถระบุได้ตั้งแต่ 1,000-5,000 บาท แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และเป็นฝ่ายผิดก็จะต้องทำการจ่ายค่า Deduct ตามจำนวนที่ได้ระบุไว้ให้กับบริษัทประกันภัยเป็นเหมือนค่าผิดสัญญา ซึ่งการเลือกที่จะไม่ระบุค่า Deduct ก็จะทำให้ราคาเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ประเภทของรถยนต์
รถยนต์มีหลากหลายยี่ห้อ และประเภท รถแต่ละแบบก็ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่ความแตกต่างกัน หากเป็นรถยนต์ที่มีราคาสูง ทุนประกันภัยก็ย่อมสูงตามขึ้นไปด้วย และจะทำให้ค่าเบี้ยประกันภัยมีจำนวนที่สูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
ประวัติการขับขี่รถยนต์
หากคุณเป็นคนที่มีประวัติการขับขี่ที่ไม่ดี จะมีผลต่อค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในรอบการต่ออายุคราวถัดไปอย่างแน่นอน ยิ่งมีประวัติการขับขี่ที่เป็นฝ่ายผิด หรือมีประวัติการเคลมที่สูง ก็ย่อมจะทำให้ค่าเบี้ยประกันภัยสูงยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนลดการต่อประกันภัยล่วงหน้า
การเลือกต่อประกันภัยรถยนต์แบบระยะเวลากระชั้นชิด นอกจากจะทำให้คุณไม่มีเวลาในการเปรียบเทียบ และพิจารณาประกันภัยของแต่ละบริษัทเป็นอย่างดีแล้ว ก็จะทำให้คุณอดได้ส่วนลดการต่อประกันภัยล่วงหน้าด้วย การต่อประกันภัยล่วงหน้านอกจากจะทำให้รถยนต์ของคุณได้รับความคุ้มครองล่วงหน้าแบบไม่ขาดช่วงความคุ้มครองแล้ว คุณยังมีโอกาสได้รับส่วนลดต่อประกันภัยล่วงหน้าสูงถึง 500 บาทเลยทีเดียว
เคล็ดลับในการช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์
สำหรับคนที่ใช้งานรถยนต์ และต้องการที่จะสมัครประกันภัยรถยนต์เคยมีข้อสงสัยบ้างหรือไม่ว่าทำไมค่าเบี้ยประกันรถยนต์ถึงมีราคาที่ค่อนข้างสูง ทำอย่างไรคุณจึงได้ประกันภัยที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพที่มาพร้อมความคุ้มค่าในด้านของราคาด้วย วันนี้ลองมาดู 6 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ลงได้อย่างแน่นอน
1.เปรียบเทียบค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในหลากหลายบริษัท
นี่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่กำลังมองหาประกันภัยสำหรับรถยนต์ ทั้งในผู้ที่มีประกันอยู่แล้ว หรือจะเป็นผู้ที่กำลังจะมีรถใหม่ ในเรื่องของการทำประกันภัยสำหรับรถยนต์บางคนอาจมีการอิงจากการสอบถามประสบการณ์การใช้งานกับคนรอบตัว บ้างก็หาข้อมูลต่างๆ จากอินเทอร์เน็ตเพื่อทำการเปรียบเทียบ
ในความจริงแล้วการเลือกประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภทควรมีการวางแผน และมองผลลัพธ์กันแบบระยะยาว เมื่อทุนประกันสูงก็ย่อมมีค่าเบี้ยที่สูงซึ่งรวมไปถึงการคุ้มครองรถยนต์ของคุณในด้านต่างๆ ที่มากขึ้นอีกด้วย หากคุณเลือกประกันภัยรถยนต์ที่มีค่าเบี้ยถูกเกินไป เวลาเกิดปัญหา เช่น เกิดอุบัติเหตุรถชน ถึงจะเคลมได้เหมือนกัน แต่อาจจะเคลมได้ในจำนวนที่น้อยกว่า ถ้าหากเสียหายไม่มากอาจไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าหากเกิดความเสียหายมาก ทุนประกันอาจไม่ครอบคลุมถึงค่าเสียหายบางส่วน จนคุณอาจจะต้องเป็นฝ่ายที่ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มเอง
นอกจากการเลือกดูทุนประกันที่เหมาะสมกับคุณแล้ว ก็ต้องมีการเปรียบเทียบกับราคาในตลาดอีกด้วย เมื่อมีการเปรียบเทียบกันในหลากหลายบริษัท คุณอาจจะได้เห็นข้อดี และข้อเสียของแต่ละบริษัทที่แตกต่างกัน รวมไปถึงโปรโมชันต่างๆ และเซอร์วิสที่ทางผู้ให้บริการมีมาให้เลือก
2.รักษาประวัติการเคลม
ถ้าหากคุณเป็นคนที่ขับขี่อย่างปลอดภัย และไม่มีประวัติเคลมประกันภัยเลย แน่นอนว่าในปีต่อๆ ไปคุณอาจมีสิทธิ์ได้รับส่วนลดเบี้ยประกันลดลง 20-50% เลยทีเดียว และถ้าหากเกิดการเคลมที่คุณเป็นฝ่ายถูกก็จะช่วยให้ประกันในปีถัดไปของคุณลดลงไปได้อีกด้วย
แต่ถ้าเกิดในปีต่อไปคุณเลือกที่จะเปลี่ยนบริษัทประกัน ประวัติเคลมที่คุณทำมาดีตลอดภายในปีแรกนั้นจะหายไปหรือไม่ คำตอบคือประวัติการขับขี่ของคุณสามารถนำไปลดเบี้ยประกันสำหรับการสมัครประกันภัยบริษัทใหม่ได้เช่นกัน ยิ่งคุณขับรถดี ไม่เกิดอุบัติเหตุก็จะยิ่งช่วยให้ลดเบี้ยประกันกับทางบริษัทประกันใหม่ได้
3.ค่า Deductible
ค่า Deduct หรือ Deductible หรือค่าเสียหายส่วนแรกนั้นในการเลือกสมัครประกันบางแห่งจะมีให้คุณเลือกว่าจะจ่ายค่า Deduct หรือไม่จ่ายก็ได้ ถ้าหากเลือกจ่ายจะได้รับส่วนลดให้กับค่าเบี้ยประกันภัยตามจำนวนที่ได้มีการะบุไปได้ทันที สามารถเลือกระบุได้ตั้งแต่ 1,000 บาท และสูงสุดถึง 5,000 บาท เช่น หากเบี้ยประกันรายปีของคุณอยู่ที่ 15,000 บาท และเลือกจ่าย Deduct 5,000 บาท ค่าเบี้ยประกันของคุณจะลดลงเหลือปีละ 10,000 บาทเลยในทันที แต่ถ้ารถยนต์ของคุณที่ได้มีการทำประกันภัยรถยนต์เอาไว้เกิดอุบัติเหตุ ถ้าหากเป็นฝ่ายถูกก็สามารถสบายใจว่าไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายอะไร เนื่องจากทางบริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครอง แต่ถ้าหากคุณเป็นฝ่ายผิด จำเป็นจะต้องจ่ายค่า Deduct ตามจำนวนที่ได้มีการระบุไว้ต่อบริษัทประกันภัยรถยนต์ และจะต้องทำการจ่ายทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุที่คุณเป็นฝ่ายผิดไปจนกว่าจะหมดอายุประกัน หรือหมดรอบกรมธรรม์ในปีนั้นๆ
ระบบ Deductอาจไม่ได้มีบริการกับประกันทุกประเภท และไม่ได้มีให้บริการกับทุกบริษัท คุณสามารถสอบถามข้อมูลกับบริษัทที่คุณสนใจ และศึกษาข้อมูลดูก่อนเพื่อทำการตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเลือกระบุค่า Deduct หรือไม่ และควรระบุเท่าไหร่
แล้วคุณเลือกจ่าย Deductible ดีหรือไม่?
คำตอบของคำถามนี้อยู่ที่ตัวของคุณเอง โดยอาจประเมินจากความชำนาญในการขับขี่ของตัวคุณ ถ้าหากคุณมีความชำนาญสูง และมั่นใจว่าจะไม่เป็นฝ่ายที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุก่อนอย่างแน่นอน การเลือกจ่าย Deductible ก็จะช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันของคุณลงไปได้ แต่ถ้าหากคุณยังไม่มีความชำนาญในการขับขี่มากพอ เป็นมือใหม่ หรือมีคนใช้งานรถยนต์หลายคนอาจไม่ควรเลือกระบุค่า Deductible เพราะคุณ หรือคนอื่นๆ ที่ใช้งานรถยนต์คันเดียวกันนี้อาจจะมีโอกาสที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ซึ่งระบบ Deductible อาจจะไม่เหมาะกับตัวคุณ
4.ปรับเปลี่ยนลดทุนประกันลง
ในกรณีที่คุณมีความชำนาญในการขับขี่มาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว อาจเป็นระยะเวลาหลายปี หรือมีความมั่นใจแล้ว คุณอาจลดทุนประกัน ปรับเปลี่ยนจากประกันที่มีราคาแพง ลดทุนประกันลงมา เพื่อทำให้ค่าเบี้ยประกันของคุณลดลง อาจเปลี่ยนจาก ประกันชั้น 1 ที่คุ้มครองทุกอย่างลดระดับเป็นชั้น 2+ หรือชั้น3+ ตามความเหมาะสมที่ครอบคลุมการคุ้มครองต่างๆ ตามที่คุณต้องการ
5.เปลี่ยนจากการ “ซ่อมห้าง” ไปเป็น “ซ่อมอู่”
การซ่อมห้าง หรือการซ่อมที่ศูนย์บริการเป็นการซ่อมที่ได้รับมาตรฐานการรับรองจากทางบริษัทประกันภัย มีคุณภาพ มีช่างมืออาชีพคอยรองรับพร้อมกับอะไหล่ของแท้แน่นอน หลายคนอาจคิดว่าการซ่อมอู่อาจไม่เท่าการซ่อมห้าง แต่จริงๆ แล้วการซ่อมอู่โดยเฉพาะการซ่อมกับอู่ในเครือประกัน ก็มีการตรวจสอบ และรับรองคุณภาพจากทางบริษัทประกันเช่นเดียวกัน มีความสะดวกสบายในการซ่อม และอาจใช้ระยะเวลาที่สั้นกว่าการซ่อมห้าง เนื่องจากมีคิวการซ่อมที่ไม่เยอะเท่า
สำหรับคนที่เพิ่งออกรถยนต์ใหม่ และโดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ที่เพิ่งออกมาไม่นาน การเลือกซ่อมห้างอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในปีแรกๆ ถึงแม้ว่าประกันภัยรถยนต์จะมีราคาที่สูงกว่า แต่ก็จะมีอะไหล่สำรองที่คอยให้บริการกับรถของคุณอยู่ตลอดเวลาแน่นอน แต่สำหรับรถที่ผ่านการใช้งานมาในระดับหนึ่งแล้ว และเจ้าของมีความรู้ ความเข้าใจ หรืออาจรู้จักอู่ในเครือที่ดี การเลือกเปลี่ยนไปซ่อมอู่ก็จะช่วยลดเงินประกันลงมาได้อีกมากเช่นกัน
6.ระบุชื่อคนขับ
หากรถยนต์ของคุณมีการใช้งานเพียงแค่คุณคนเดียว หรืออาจมีแค่ 1-2 คนที่เป็นสมาชิกในครอบครัว ขอแนะนำให้ทำการระบุชื่อผู้ขับเอาไว้เลย ซึ่งการระบุชื่อผู้ขับจะทำให้ประกันภัยในหลากหลายบริษัทสามารถลดค่าเบี้ยประกันลงไปได้ 5-20% เลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ที่มีชื่ออยู่ในประกันด้วย ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่แนะนำสำหรับคนที่มั่นใจในฝีมือการขับรถของตัวเองอยู่แล้ว และมีการใช้งานรถแค่คนเดียว หรือแค่เฉพาะคนในครอบครัว รับรองว่าช่วยลดค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ได้อย่างแน่นอน
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถช่วยลดค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่สูง นอกจากได้ทุนประกันที่เหมาะสมกับรถยนต์ และการใช้งานของคุณแล้ว ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของคุณในรายเดือนด้วย อย่างไรก็ตามประกันภัยเป็นสิ่งที่ตอนคุณทำมักจะยังไม่ได้ใช้ ควรเลือก และศึกษาเป็นอย่างดี เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ในตอนที่เกิดเหตุขึ้นจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายเพิ่ม และต้องมาเสียใจในภายหลัง
