ป้ายจราจร เครื่องหมายจราจรที่ต้องรู้
ทุกคนรู้หรือไม่ว่า ป้ายสัญลักษณ์จราจร ที่พบเห็นบนถนนสาธารณะ ล้วนมีความหมายสำคัญ ที่ผู้ใช้ถนนควรเคารพและปฏิบัติตาม หากฝ่าฝืนป้ายจราจรนั้น ๆ จะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎจราจร นำมาซึ่งการเสียค่าปรับได้ เพราะฉะนั้นเราควรทราบความหมายของป้ายจราจรทั้งหมดเพื่อที่จะได้ปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง
ประเภทของป้ายจราจร
เมื่อมีผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก ป้ายจราจรมีส่วนช่วยจัดระเบียบการเดินทางบนท้องถนนได้เป็นอย่างดี แต่ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักป้ายเตือนจราจรทั้งสามประเภทกันก่อน เริ่มกันเลย
ป้ายจราจรบังคับ
ทำหน้าที่บังคับให้ผู้ใช้ถนนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากมีการฝ่าฝืนจะถือว่าไม่เคารพกฎจราจร ซึ่งมีความผิดทางกฎหมายทันที เช่น ป้ายห้ามจอด ,ป้ายห้ามเลี้ยวซ้าย ,ป้ายห้ามแซง เป็นต้น
ป้ายจราจรเตือน
เป็นป้ายที่สำคัญมาก ๆ เพราะเป็นการเตือนให้ผู้ใช้ถนนทราบล่วงหน้าว่า การจราจรมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีอุบัติเหตุอะไรขึ้น เพื่อที่ผู้ใช้ถนนจะได้เตรียมตัวระวังล่วงหน้า เช่น ป้ายลดความเร็ว ,ป้ายข้ามทางรถไฟ ,ป้ายทางโค้งขวา เป็นต้น
ป้ายจราจรแนะนำ
สำหรับป้ายประเภทนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ถนนถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวกขึ้น เพราะจะมีป้ายคอยบอกทิศทาง หรือข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างการเดินทาง เช่น ป้ายกลับรถ ,ป้ายทางลัด ,ป้ายบอกระยะทาง เป็นต้น
รวม 12 ป้ายจราจรที่ต้องรู้
การมีป้ายจราจรที่คอยจัดระเบียบความเรียบร้อยให้กับถนน ทำให้ผู้ใช้ถนนมีระมัดระวังมากขึ้น เพราะมีกฎการใช้เครื่องหมายจราจรที่ชัดเจน หากทำผิดก็ย่อมต้องได้รับการลงโทษ ดังนั้นเราจะพาทุกคนไปทำความรู้จัก 12 ป้ายจราจรสำคัญ ที่จำเป็นต้องรู้ไว้
1. ป้ายห้ามจอด
มีความหมายว่า ไม่ว่ารถเล็กหรือใหญ่ก็ห้ามจอดในบริเวณนี้ แต่จะมีข้อละเว้นในกรณีที่จอดรถชั่วคราวอย่างการรอรับหรือการส่งคน ส่งสิ่งของ แต่ต้องใช้เวลาในการจอดไม่นานนัก
2. ป้ายหยุด
เป็นป้ายจราจรที่บังคับให้รถทุกคันหยุด จากนั้นมองทางรถ หากเห็นว่าปลอดภัย จึงค่อย ๆ เคลื่อนรถอย่างระมัดระวัง
3. ป้ายห้ามแซง
เป็นป้ายจราจรที่เตือนให้ขับรถอย่างรถระวัง ไม่ควรแซงรถคันอื่น หากเกิดอุบัติเหตุใด ๆ จากการละเมิดป้ายห้ามแซง ผู้ละเมิดกฎจะเป็นฝ่ายผิดทันที ถึงแม้ถนนจะดูปลอดภัยในการแซงก็ตาม
4. ป้ายห้ามเข้า
หากสถานที่ใดติดตั้งเครื่องหมายจราจรนี้ จะหมายถึงว่าห้ามรถทุกชนิดเข้า
5. ป้ายให้รถสวนทางมาก่อน
ผู้ใช้รถทุกประเภท เมื่อเห็นป้ายสัญลักษณ์จราจรนี้ให้หยุดตรงป้ายทันที เพื่อรอให้รถที่กำลังสวนทางมาไปก่อน จากนั้นค่อย ๆ เคลื่อนรถไปต่ออย่างระมัดระวัง
6. ป้ายห้ามหยุดรถ
เป็นป้ายจราจรที่ห้ามหยุดรถ หรือจอดรถทุกชนิดในบริเวณแนวทางรถตรงนั้นเป็นอันขาด จะแตกต่างจากป้ายห้ามจอด ที่สามารถหยุดรถได้ในระยะเวลาอันสั้น
7. ป้ายจำกัดความเร็ว
ผู้ใช้รถทุกชนิดจะถูกบังคับให้ขับรถด้วยความเร็วตามที่ป้ายจราจรกำหนด เช่น ป้ายจำกัดความเร็ว 50 หมายความว่า ให้ขับรถในความเร็วไม่เกินกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับต่อไปจนกว่าจะพ้นระยะป้ายจำกัดความเร็ว
8. ป้ายห้ามกลับรถ
จะมีทั้งป้ายห้ามกลับรถทางขวาและทางซ้าย ซึ่งก็หมายความว่า ห้ามรถทุกชนิดกลับรถไปทางขวาหรือทางซ้าย ตามที่เครื่องหมายจราจรได้แจ้งไว้
9. ป้ายจำกัดความสูง
ห้ามไม่ให้รถทุกชนิดเข้าเขตทางหรืออุโมงค์ ที่มีความสูงรวมทั้งตัวรถและของที่บรรจุมา ไม่เกินตามที่สัญลักษณ์จราจรระบุไว้ โดยมีหน่วยเป็นเมตร
10. ป้ายทางลื่น
เป็นป้ายจราจรที่ช่วยเตือนให้ผู้ใช้รถระมัดระวังในการขับขี่รถให้มากขึ้น เพราะทางถนนด้านหน้าอาจเปียกชื้นส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
11. ป้ายสัญญาณจราจร
ไฟจราจรจะมีทั้งหมดสามสี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีเขียว โดยจะคอยให้สัญญาณหยุดรถ เบารถ หรือขับต่อไปได้ ตามสัญญาณไฟจราจร
12. ป้ายระวังคนข้ามถนน
มักจะเห็นป้ายสัญลักษณ์จราจรนี้ ในบริเวณชุมชนที่มีผู้อาศัยเดินข้ามถนนไปมา ผู้ใช้รถควรขับรถให้ช้าลง และถ้าหากเห็นคนกำลังจะข้ามถนน ให้หยุดรถเพื่อให้ผู้คนได้เดินข้ามถนนอย่างปลอดภัย
สรุปบทความ
เห็นไหมว่า การทำตามกฎระเบียบจราจรไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากเรารู้จักประเภทและความหมายของแต่ละป้ายจราจร เพียงเท่านี้ทั้งเราและเพื่อนร่วมทางก็จะสามารถใช้ถนนร่วมกันได้อย่างปลอดภัย แต่อย่างที่เราทราบ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา กันไว้ดีกว่าแก้ เลือกประกันรถยนต์ ที่มีคุณภาพ ติดต่อเราได้ที่นี่