รวมวิธีการ ต่อภาษีรถยนต์ ผ่านช่องทางต่าง ๆ

การ ต่อภาษีรถยนต์ คือ ค่าธรรมเนียมที่เจ้าของรถยนต์ต้องชำระเป็นประจำทุกปีให้กับกรมการขนส่งทางบก โดยคำนวณจากขนาดเครื่องยนต์ น้ำหนักรถ และอายุการใช้งานของรถ รายได้จากภาษีนี้ใช้ในการบำรุงรักษาและพัฒนาทางถนนและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งโดยคุณสามารถเลือก ต่อภาษีรถยนต์ ได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น ผ่านกรมขนส่งทางบอก หรือ ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ ไปดูกันเลยว่าแต่ละช่องทางมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

การต่อภาษีรถยนต์ผ่านเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก e-Service

การต่อภาษีรถยนต์ผ่านเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก e-Service เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็ว ทำให้คุณไม่ต้องเดินทางไปยังสำนักงานขนส่ง ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนี้

เอกสารที่ต้องเตรียม

1. เล่มทะเบียนรถตัวจริงหรือสำเนา
2. กรมธรรม์ พ.ร.บ.รถยนต์ ที่ต้องมีอายุไม่หมดอายุขณะทำการต่อภาษี
3. ใบรับรองการตรวจสภาพรถ สำหรับรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์ที่มีอายุเกิน 5 ปี จำเป็นต้องนำรถไปตรวจสภาพก่อนต่อภาษี

1.เข้าสู่เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก

เข้าไปที่ eservice.dlt.go.th แล้ว เลือกบริการ “ลงทะเบียนสมาชิกใหม่” สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียน จากนั้นให้ กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน และข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็น ให้ครบถ้วนและถูกต้อง สุดท้าย ตั้งรหัสผ่านและยืนยันการลงทะเบียน

2.เข้าสู่ระบบ

หลังจากลงทะเบียนแล้ว ให้ Log-in เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่ตั้งไว้ จากนั้น เลือกหัวข้อ “ยื่นชำระภาษีรถยนต์ประจำปี” ในเมนูหลัก

3.กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับรถ

กรอกข้อมูลทะเบียนรถ หมายเลขเครื่องยนต์ และรายละเอียดอื่น ๆ ที่จำเป็น อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องและครบถ้วน

4.ยื่นชำระภาษี

เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม “ยื่นชำระภาษี” ระบบจะแสดงข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับรถและจำนวนภาษีที่ต้องชำระ

5.เลือกวิธีการชำระเงิน

เลือกวิธีการชำระเงินที่สะดวก เช่น การหักบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือการโอนเงินผ่านธนาคาร แต่หากยังไม่มี พ.ร.บ. สามารถซื้อผ่านระบบได้ โดยเลือกบริษัทประกันภัยที่ร่วมรายการ เช่น บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด หรือ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด

6.กรอกรายละเอียดการจัดส่งเอกสาร

ระบุที่อยู่ที่ต้องการให้จัดส่งเอกสารการต่อภาษี ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดให้ถูกต้องก่อนกดปุ่ม “ยืนยัน”

7.ตรวจสอบสถานะการชำระเงิน

หลังจากชำระเงินแล้ว สามารถตรวจสอบสถานะการชำระเงินและการจัดส่งเอกสารได้ที่หัวข้อ “ตรวจสอบผลการชำระภาษี/เปลี่ยนช่องทางชำระเงิน”

เมื่อชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ภายใน 5 วันทำการ

ข้อดีของการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์

1. ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปยังสำนักงานขนส่ง
2. สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต
3. ขั้นตอนทั้งหมดทำได้ง่ายและรวดเร็ว
4. ไม่ต้องถือเงินสดหรือเอกสารสำคัญไปยังสถานที่ต่าง ๆ

การต่อภาษีรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax

เป็นอีกหนึ่งวิธี ต่อภาษีออนไลน์ ที่รวดเร็วเช่นเดียวกัน สามารถทำได้ผ่านทางมือถือ เผื่อใครไม่อยากใช้งานบนเว็บไซต์ ก่อนอื่นให้เตรียมเอกสารเหมือนกับการต่อผ่านเว็บไซต์ และทำตามขั้นตอนดังนี้

1.ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน

แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS จาก Apple Store และสำหรับ Android สามารถดาวน์โหลดได้จาก Google Play Store เมื่อติดตั้งแอปพลิเคชันเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดแอปพลิเคชันเพื่อเริ่มกระบวนการลงทะเบียน

2.การลงทะเบียนสมาชิกใหม่

เมื่อติดตั้งแอปพลิเคชันแล้ว ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ อีเมล และเลขบัตรประชาชน จากนั้นระบบจะส่งรหัส OTP ไปยังอีเมลของคุณเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง กรอกรหัส OTP ที่ได้รับเพื่อยืนยันตัวตน หลังจากยืนยันการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว คุณจะต้องตั้งรหัส PIN 6 หลักเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานแอปพลิเคชัน

3.เข้าสู่ระบบและเลือกเมนูชำระภาษี

หลังจากทำการลงทะเบียนแล้ว ให้เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่ตั้งไว้ จากนั้นเลือกเมนู “ชำระภาษีรถยนต์ประจำปี” ในแอปพลิเคชัน กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับรถ เช่น หมายเลขทะเบียนรถ หมายเลขเครื่องยนต์ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดให้ถูกต้องก่อนกดปุ่ม “ยืนยัน”

4.กรอกรายละเอียดการประกันภัย

ในขั้นตอนนี้ คุณจะต้องกรอกข้อมูลกรมธรรม์ พ.ร.บ. ที่ยังไม่หมดอายุ หากยังไม่มี พ.ร.บ. คุณสามารถซื้อ พ.ร.บ. ใหม่ผ่านระบบแอปพลิเคชันได้โดยเลือกบริษัทประกันภัยที่ร่วมรายการ

5.ยื่นชำระภาษี

เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม “ยื่นชำระภาษี” ระบบจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับค่าภาษีที่ต้องชำระ เลือกวิธีการชำระเงินที่สะดวก เช่น การหักบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือการชำระเงินผ่าน QR Code

ขั้นตอนต่อภาษีรถยนต์ผ่านสำนักงานขนส่งทั่วประเทศ

การต่อภาษีรถยนต์สามารถทำได้ง่ายๆ ที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องไปที่จังหวัดที่รถจดทะเบียนไว้ ทำให้สะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. เตรียมเอกสารทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น และนำไปยังสำนักงานขนส่งที่สะดวก ไม่ว่ารถของคุณจะจดทะเบียนที่จังหวัดใดก็สามารถต่อภาษีได้ทุกที่
2. เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและข้อมูลรถ หากทุกอย่างครบถ้วน คุณจะได้รับใบเสร็จรับเงินและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีใหม่
3. คุณสามารถชำระค่าภาษีได้ที่จุดบริการในสำนักงานขนส่ง ค่าภาษีรถยนต์จะคำนวณตามขนาดเครื่องยนต์และอายุการใช้งานของรถ โดยจะมีการลดภาษีตามสัดส่วนสำหรับรถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 6 ปีขึ้นไป

ข้อควรระวัง

มีรถบางประเภทที่ไม่สามารถตรวจสภาพที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ได้ และต้องนำไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น เช่น รถที่มีการดัดแปลงสภาพ รถที่เปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนแปลงตัวรถ และรถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์

สถานที่สำนักงานขนส่งในกรุงเทพมหานคร

ในกรุงเทพมหานคร มีสำนักงานขนส่งที่สามารถไปต่อภาษีได้ถึง 5 แห่ง ได้แก่

• สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล เขตบางขุนเทียน
• สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 ถนนสวนผัก เขตตลิ่งชัน
• สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 3 ถนนสุขุมวิท เขตพระโขนง
• สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 4 ถนนร่วมพัฒนา เขตหนองจอก
• สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5 ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร

ด้วยขั้นตอนเหล่านี้ การต่อภาษีรถยนต์ที่สำนักงานขนส่งจึงเป็นเรื่องที่สะดวกและไม่ยุ่งยาก โดยที่คุณสามารถมั่นใจได้ว่ารถของคุณจะถูกใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย