ทำไมต้องตรวจสภาพรถ ก่อนทำประกันภัยรถยนต์ทุกครั้ง
อย่างที่เราได้เคยกล่าวถึงไปแล้วในบทความอื่น ๆ ที่ผ่านมา ว่าเรื่องราวของประกันภัยรถยนต์ เป็นหนึ่งในเรื่องที่คนไทยจำนวนน้อยเท่านั้น ที่จะรู้รายละเอียดต่าง ๆ อย่างถ่องแท้ ทั้ง ๆ ที่ในปี 2024 มีรถยนต์ภายในระบบมากกว่า 20 ล้านคัน หนึ่งในข้อสงสัยที่เราอยากหยิบยกมาเป็นกรณีตัวอย่างในบทความนี้ คือเรื่องของการ “ตรวจสภาพรถเพื่อต่อประกันรถยนต์” ติดตามไปพร้อม ๆ กันได้เลย ถึงสาเหตุที่ก่อนจะต่อประกันภัยรถยนต์ ทำไมถึงต้องมีการตรวจสภาพรถเสียก่อน
จริงหรือไม่ ? ทุก ๆ ครั้งที่ต่อประกันภัยรถยนต์ ต้องตรวจสภาพรถก่อนเสมอ
ก่อนอื่นเราต้องขออธิบายก่อนว่า ในการต่อประกันภัยรถยนต์นั้น ไม่จำเป็นจะต้องตรวจสภาพรถเสมอไป เนื่องจากนโยบายของบริษัทประกันภัย และ ความคุ้มครองของประกันภัยแต่ละรูปแบบ อาจไม่จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสภาพรถ ยกเว้น “ประกันภัยชั้น 1” ที่จำเป็นจะต้องตรวจสภาพรถก่อนทำประกันทุกครั้งในทุกกรณี เพื่อให้บริษัทประกันภัยได้เก็บข้อมูลของตัวรถ ซึ่งจะถูกนำไปพิจารณาเบี้ยประกัน และ ใช้เป็นข้อมูลยืนยันในกรณีที่เกิดการเคลมประกัน ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นหลังจากทำประกันไปแล้ว ช่วยให้การเคลมเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น
ประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนบ้าง ที่จะต้องมีการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนทำ
อย่างที่เรากล่าวถึงไปในหัวข้อก่อนหน้านี้ ว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นจำเป็นจะต้องมีขั้นตอนการตรวจสภาพรถก่อนทำประกันทุกครั้ง ซึ่งรวมถึงการต่อประกันรถยนต์จากบริษัทเดิม ก็ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนประกันชั้นที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็น ชั้น 2 , ชั้น 3 , ชั้น 2+ และ ชั้น 3+ นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบสภาพรถ ก่อนการทำประกัน ทว่าก็มีในบางกรณีที่ประกันชั้น 2+ ที่ต้องมีการตรวจสอบสภาพรถเสียก่อน เนื่องจากมีความคุ้มครองรถหาย การรายงานสภาพรถจึงเป็นการยืนยันว่า รถยนต์คันนั้น ๆ ยังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และ รถยังอยู่ในการครอบครองของเจ้าของรถจริง ๆ
ตรวจสภาพรถเพื่อต่อประกันภัยรถยนต์ตรวจอะไรบ้าง ?
การตรวจสภาพรถ เพื่อทำประกันภัยรถยนต์นั้นไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด วัตถุประสงค์หลัก ๆ คือการยืนยันสภาพของรถว่าอยู่ในสภาพไหน มีความเสียหายจุดไหนหรือเปล่า ดังนั้นจึงใช้เพียงแค่ “รูปถ่าย” ของสภาพรถโดยรอบคันเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันภัยรถยนต์ ว่าจะให้เจ้าหน้าที่เดินทางมาถ่ายภาพรถ หรือ ให้เจ้าของรถเป็นคนถ่ายภาพด้วยตนเอง แล้วส่งรูปภาพที่ให้ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ โดยจุดที่จะต้องมีการตรวจสภาพก็จะมีดังต่อไปนี้
- สภาพภายนอกรถโดยรอบ ควรมีการเก็บรูปภาพของรถที่เห็นทุกมุมด้านนอก ทั้งหน้ารถ หลังรถ ข้างซ้าย ข้างขวา และ จะดีมากถ้ามีภาพหลังคารถประกอบด้วย
- สภาพภายในรถ ถ่ายในห้องโดยสารให้ครบทุกมุม รวมถึงห้องเครื่อง เลขตัวถัง คอนโซลรถบริเวณคนขับ หน้าปัดรถที่จะต้องเห็นเลขไมล์
- การทำงานของไฟต่าง ๆ เพื่อยืนยันว่าไฟทุกดวงบนรถยังใช้งานได้ปกติ ควรมีการถ่ายภาพที่มีการเปิดไฟต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไฟท้าย ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ให้ครบทุกดวง
- กระจกทุกบาน บนท้องถนนมีเหตุการณ์ “หินดีดใส่กระจก” อยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นอย่าลืมถ่ายภาพกระจกทุกบานให้ชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการเคลมประกัน
- อุปกรณ์แต่งรถ ในกรณีที่เป็นรถที่มีการแต่งมาในระดับหนึ่ง จะต้องมีการถ่ายอุปกรณ์ที่แต่งเพิ่มลงไปด้วย เพื่อให้ประกันภัยให้ความคุ้มครองในส่วนนั้น ๆ
ความแตกต่างระหว่าง ตรวจสภาพรถ “เพื่อต่อประกันรถยนต์ ”และ “เพื่อต่อภาษี”
เมื่อกล่าวถึง “การตรวจสภาพรถ” อาจทำให้หลาย ๆ คนสับสนอยู่พอสมควร ระหว่างการตรวจสภาพเพื่อต่อประกันรถยนต์ และ การตรวจสภาพเพื่อต่อภาษีประจำปี แน่นอนว่าการตรวจสภาพรถทั้ง 2 รูปแบบนั้นมีความแตกต่างกันอยู่หลายจุดด้วยกัน ซึ่งเราจะขอหยิบเอา 2 จุดหลัก ๆ มาเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างกันอย่างชัดเจนมากที่สุด เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
• วัตถุประสงค์การตรวจสภาพรถ
จากเนื้อหาทั้งหมดของบทความนี้ เราจะเน้นย้ำอยู่เสมอว่า ก่อนการทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะต้องมีการตรวจสภาพรถเพื่อ “ยืนยันสภาพรถก่อนทำประกัน” ในกรณีที่เกิดความเสียหายกับตัวรถ จะได้ยืนยันได้ว่าเป็นความเสียหาย ที่เกิดภายในช่วงเวลาความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มรูปแบบ ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย ต่างจากการตรวจสภาพเพื่อต่อภาษี ที่ทำเพื่อยืนยันว่าสภาพรถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปี “พร้อมต่อการใช้งาน” และ ไม่มีการดัดแปลงสภาพรถ ที่ผิดไปจากกฎหมายที่กำหนดเอาไว้
• สถานที่การตรวจสภาพรถ
การตรวจสภาพรถเพื่อต่อภาษีประจำปี จะต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพที่ ตรอ. หรือ กรมการขนส่งทางบก เท่านั้น ซึ่งต่างจากการตรวจสภาพรถเพื่อต่อประกันรถยนต์ ที่สามารถทำได้ที่ไหนก็ได้ ขอเพียงมีพื้นที่เพียงพอต่อการถ่ายภาพ ไม่มืดจนเกินไป ไม่มีแสงจ้าจนเกินไป ซึ่งปัจจุบันในหลาย ๆ บริษัทประกันภัยรถยนต์ ก็เปิดโอกาสให้เจ้าของรถสามารถถ่ายภาพด้วยตนเอง และจัดส่งให้กับบริษัทประกันภัย ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ที่สะดวกที่สุด
บทส่งท้าย
เมื่อได้รู้แล้วว่า เพราะเหตุใดก่อนการทำประกันภัยรถยนต์ โดยเฉพาะประกันชั้น 1 ถึงมีความจำเป็นต้องตรวจสภาพรถเสียก่อน ดังนั้นในการซื้อหรือต่อประกันรถยนต์ จึงไม่ควรละเลยขั้นตอนในส่วนนี้เป็นอันขาด หากถ่ายภาพด้วยตนเอง ควรจะต้องถ่ายให้เห็นรายละเอียดอย่างชัดเจนที่สุด ที่สำคัญคืออย่าลืมเลือกซื้อประกันภัยจากผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถสบายใจ แม้ในวันที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน
SILKSPAN พร้อมแล้วที่จะมอบบริการสุดพิเศษด้านประกันภัยรถยนต์ให้กับคุณ ด้วยตัวเลือกประกันภัยจากบริษัทชั้นนำมากมาย รวมถึงส่วนลดสุดพิเศษว่า 30% ยังไม่รวมบริการอื่น ๆ อีกมากมายที่คุณจะได้รับ อาทิเช่น การเปรียบเทียบราคาประกันภัย บริการรถลาก บริการรถใช้ระหว่างซ่อม และ บริการผ่อน 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต หากสนใจสามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด