
5 สิ่งที่คนล้างรถเองมักจะเข้าใจผิด ! ข้อมูลวงในจากพนักงานคาร์แคร์

เผย 5 สิ่งที่พนักงานคาร์แคร์ไม่เคยบอกคุณ ! เคยสงสัยกันไหม ? ทำไมเวลานำรถเข้าไปทำความสะอาดที่ร้านคาร์แคร์ แล้วรถถึงออกมาเงาวิบวับเหมือนกับได้รถใหม่ แต่เมื่อลองมาล้างด้วยตนเอง นอกจากจะไม่เงาแวววาวเหมือนกับที่ร้านคาร์แคร์ล้างรถให้ ในบางจุดกลับคราบที่เกิดขึ้น ทำให้รถไม่สะอาดเหมือนอย่างที่หวังเอาไว้ บทความนี้เราจะมาเผยจุดที่คุณพลาดไป ด้วยข้อมูลวงในจากพนักงานร้านคาร์แคร์ ที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน
คาร์แคร์ คืออะไร ?
“ร้านคาร์แคร์” เป็นผู้ให้บริการดูแลความสะอาดรถยนต์ บริการของแต่ละร้านก็จะแตกต่างกันออกไป บ้างก็เน้นไปที่การล้างรถเพียงอย่างเดียว บ้างก็เป็นศูนย์ให้บริการแบบครบวงจร มีทั้งการล้างรถ การซ่อมบำรุง เช็คระยะ ไปจนถึงการ ต่อ พรบ. รถ จุดเด่นของการล้างรถที่ร้านคาร์แคร์ ก็จะเป็นอุปกรณ์ที่ครบครัน มีทั้งเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง น้ำยาเคลือบ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องอบไอน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรค เป็นต้น ดำเนินการด้วยผู้เชี่ยวชาญ ที่เข้าใจวิธีการล้างรถที่ถูกต้อง นั่นจึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการล้างรถที่คาร์แคร์ เป็นสิ่งที่คนรักรถส่วนมากต่างก็พึงพอใจนั่นเอง
ทำไมการล้างรถผิดวิธีถึงเป็นปัญหา ?
สำหรับบางคนอาจคิดว่า การนำรถเข้าไปล้างที่ร้านคาร์แคร์เป็นสิ่งที่สิ้นเปลือง และมองว่าการล้างรถเองก็ไม่เห็นจะยากตรงไหน ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่ไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้าลงมือล้างรถด้วยตนเอง ด้วยความเข้าใจผิด ๆ และวิธีการที่ไม่ถูกต้อง นอกจากจะไม่ได้ทำให้รถสะอาดเหมือนใช้บริการล้างคาร์แคร์ อาจมาพร้อมกับผลเสียต่าง ๆ อีกหลายอย่างที่ตามมา อาทิเช่น รอยขนแมวบนตัวรถ , คราบน้ำที่ฝังแน่นล้างยังไงก็ไม่ออก , เกิดกลิ่นอับภายใน กรณีที่หนักหน่อยก็อาจทำให้สีของรถเกิดความเสียหาย เป็น รอยด่าง สีดูซีดไม่เงางาม เป็นต้น
พนักงานคาร์แคร์เผย ! 5 จุดที่คนล้างรถพลาดบ่อยที่สุด
มาดูกันเลย ว่าทำไมร้านคาร์แคร์ล้างรถได้อย่างเอี่ยมอ่อง แล้วทำไมเมื่อเราลองกลับมาล้างเองแล้ว ถึงไม่สามารถทำให้รถสะอาดได้เหมือนกับที่ร้านคาร์แคร์ทำ โดยจากการสอบถามกับพนักงานจากร้านคาร์แคร์ ผู้มีประสบการณ์ล้างรถอย่างชำนาญ ได้เผยว่านอกจากเรื่องของอุปกรณ์ที่ต่างกันแล้ว ยังมี 5 จุดที่คนล้างรถเองมักจะมองข้ามไป ซึ่งส่งผลให้ผลลัพธ์ของการล้างรถออกมาไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น แถมยังส่งผลเสียต่อตัวรถในระยะยาวอีกด้วย ดังนี้
1. ใช้ฟองน้ำหรือผ้าเช็ดผิดประเภท
สิ่งแรกที่มีคนพลาดกันบ่อย ๆ ก็จะเป็นในส่วนของ ตัวฟองน้ำที่ใช้ล้างรถ และ ผ้าสำหรับเช็ดรถ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะใช้ฟองน้ำล้างจานที่หาซื้อได้ทั่วไป หรือ ผ้าชนิดอะไรมาเช็ดรถก็ได้ ต้องเป็นฟองน้ำที่ถูกออกแบบมาเพื่อล้างรถโดยเฉพาะเท่านั้น เพราะถ้าเป็นฟองน้ำคุณภาพต่ำทั่วไป อาจทำให้รถเกิด “รอยขนแมว” ได้ และผ้าที่ใช้เช็ดรถก็ต้องเป็นผ้าที่ถูกออกแบบเพื่อเช็ดรถโดยเฉพาะ เช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์ , ผ้าชามัวร์ หรือ ผ้านาโน เป็นต้น
2. ล้างรถกลางแดดแรง ๆ
มีหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าการล้างรถกลางแดดแรง ๆ ความร้อนของแสงแดด จะทำให้รถแห้งเร็ว ไม่ต้องลำบากมาคอยเช็ดคราบน้ำ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผิดมหันต์ เพราะเมื่อล้างรถกลางแดด ตัวรถจะสะสมความร้อนแล้วทำให้น้ำยาล้างรถระเหยเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้เกิด “คราบน้ำ” บนตัวรถ คราบเหล่านี้อาจเกาะแน่นจนล้างไม่ออก ส่งผลให้สีของรถขาดความสวยงาม ดูเป็นรอยด่างในบริเวณที่มีคราบน้ำได้

3. ล้างรถจากล่างขึ้นบน
การล้างรถควรจะเริ่มจาก “บนลงล่าง” เท่านั้น ไม่ควรทำจากล่างขึ้นบน เนื่องจากส่วนล่างของรถจะมีสิ่งสกปรกสะสมอยู่มากกว่า โดยเฉพาะคราบฝุ่นคราบดิน หากเป็นการใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ควรฉีดไล่จากด้านบนลงมาด้านล่าง เพื่อให้สิ่งสกปรกต่าง ๆ ค่อย ๆ ไหลลงมาจนหมด ถ้าฉีดจากล่างขึ้นบน อาจทำให้สิ่งสกปรกไปค้างอยู่บนตัวรถ เมื่อถึงขั้นตอนของการเช็ดรถ สิ่งสกปรกเหล่านั้นอาจไปเกาะบนผ้าเช็ดรถ จนเกิดรอยขีดข่วนบนตัวรถได้
4. ใช้น้ำยาล้างจานแทนน้ำยาล้างรถ
น้ำยาสำหรับการใช้ล้างรถ ควรจะต้องเป็น “น้ำยาล้างรถ” จริง ๆ เท่านั้น แชมพู , สบู่ หรือ น้ำยาล้างจาน ไม่สามารถทดแทนกันได้ด้วยประการทั้งปวง การใช้น้ำยาล้างจานเพื่อล้างรถ จะเป็นการทำลายผิวนอกสุดของสีรถ โดยเฉพาะในส่วนของชั้นแว็กซ์ที่เคลือบให้รถดูเงางาม แถมยังเป็นสาเหตุของการเกิดคราบด่างบนตัวรถอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อต้องล้างรถ ต้องใช้น้ำยาสำหรับล้างรถโดยเฉพาะเท่านั้น
5. ไม่เช็ดรถให้แห้งหลังล้างเสร็จ
เรื่องสุดท้ายที่มีหลาย ๆ คนตกม้าตายมาแล้วนักต่อนัก ไม่ว่าขั้นตอนการล้างรถที่ทำจะสมบูรณ์แค่ไหน ใช้ฟองน้ำคุณภาพดี ล้างรถจากบนลงล่าง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงสีรถ แต่ ! ไม่ยอม “เช็ดรถให้แห้ง” หลังล้างเสร็จ สุดท้ายแล้วรถสุดรักสุดหวงของคุณ ก็จะคราบน้ำเกิดขึ้นบนตัวรถ เนื่องจากในน้ำประปาที่เราใช้ ๆ กัน มีแร่ธาตุที่เรามองไม่เห็นอยู่เยอะพอสมควร เมื่อปล่อยให้โดยไม่เช็ดให้ดี ก็จะส่งผลให้เป็นคราบเกาะฝังแน่นบนตัวรถ และอย่าลืมว่า ผ้าที่ใช้เช็ดรถหลังล้างเสร็จ ต้องเป็นผ้าชนิดพิเศษสำหรับเช็ดรถเท่านั้น !
แค่ล้างรถให้ถูกวิธี ก็ช่วยถนอมสีรถไปได้นานขึ้น
หากมีความตั้งใจแน่วแน่แล้ว ว่าจะล้างรถด้วยตัวเอง สิ่งที่ต้องมีอย่างแรกคืออุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการล้างรถ อาจจะไม่ต้องเหมือนกับที่ร้านคาร์แคร์ใช้ทุกชิ้นก็ได้ ขอเพียงเป็นสิ่งที่เหมาะสำหรับใช้กับตัวรถก็เพียงพอ และที่สำคัญคือความเข้าใจถึงวิธีล้างรถที่ถูกต้อง เพื่อให้การล้างรถเป็นการถนอมสีของรถให้สวยงามไปได้อีกนานเท่านาน เคล็ดลับเพิ่มเติมคือ ล้างรถเป็นประจำทุก 7 ถึง 10 วัน อย่าปล่อยให้มีคราบสกปรกเกาะแน่นบนตัวรถ และถ้าอยากให้รถดูเงางาม ควรใช้น้ำยาเคลือบสีรถเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
บทส่งท้าย
เกร็ดความรู้จากบทความนี้ สามารถทำให้คุณสามารถล้างรถเอง ให้ออกมาสะอาด เงางาม ไร้ริ้วรอย เพียงเข้าใจถึงความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการล้างรถ พร้อมปรับปรุงคุณภาพของอุปกรณ์ที่ใช้ล้างรถ เพียงเท่านี้การล้างรถก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากอีกต่อไป ถึงคุณภาพอาจจะไม่เท่ากับที่ร้านคาร์แคร์มอบให้ก็ตาม สำหรับบทความนี้ก็จบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากใครที่ชื่นชอบบทความที่มีประโยชน์เช่นนี้ SILKSPAN พร้อมนำเนื้อหาดี ๆ มาเสิร์ฟคุณถึงที่ บทความถัดไปจะน่าสนใจเพียงใด ต้องรอติดตาม !