สัญลักษณ์ไฟต่างๆ ที่หน้าปัดรถหมายถึงอะไร (ตอนที่ 1)
นอกจากเข็มไมล์แล้ว ยังมีสัญลักษณ์อีกมากมายที่โชว์อยู่บนแผงหน้าปัดหน้ารถ เคยสงสัยหรือไม่ว่าแต่ละอันมันบอกอะไร หรือหมายถึงอะไรกันแน่ เรามาทำความรู้จักสัญลักษณ์บนแผงหน้าปัดที่ช่วยเตือนว่ารถของคุณน่าจะมีปัญหากันดีกว่า
ไฟเครื่องยนต์
หากไฟหน้าตาแบบนี้ขึ้นมา แสดงว่าเครื่องยนต์มีปัญหา ให้ลองเช็กเข็มบอกอุณหภูมิของเครื่องยนต์ว่าสูงหรือไม่ ถ้าไม่สูงก็สามารถขับต่อได้ แต่ควรจะขับอยู่ที่ 1,500-2,000 รอบต่อนาที แล้วเข้าศูนย์ หรืออู่เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากไฟเตือนนี้ไม่ได้บอกว่าปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นนั้นหนักแค่ไหน ถ้าหากว่าเป็นปัญหาใหญ่แล้วคุณยังคงขับต่อไป นั่นอาจทำให้ส่วนอื่นๆ เสียหายตามไปด้วย
ไฟกาน้ำมันเครื่อง
ปกติไฟนี้จะขึ้นมาตอนที่เราสตาร์ทรถ แล้วดับไป แต่ถ้าเครื่องยนต์ติดแล้ว แต่ไฟนี้ยังคงขึ้นอยู่ คุณควรดับเครื่องยนต์ทันที หรือถ้าหากไฟนี้ขึ้นระหว่างขับรถ ให้ตรวจเช็กอุณหภูมิของรถว่าขึ้นสูงหรือไม่ หากปกติ หรือสูงขึ้นนิดหน่อย คุณยังพอมีเวลาน้ำรถเข้าข้างทางแล้วดับเครื่อง จากนั้นให้เช็กว่าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ โดยดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมาดูว่าระดับน้ำมันถึงขีดที่อยู่บนก้านหรือไม่ ซึ่งที่ก้านจะมีสองขีด ได้แก่ ขีดเกณฑ์ระดับน้ำมันเวลาเครื่องไม่ร้อน และขีดเกณฑ์ระดับน้ำมันเวลาเครื่องร้อน หากระดับน้ำมันเครื่องพร่องไป คุณสามารถเติมเองได้ แต่ก็ควรตรวจเช็กเพิ่มเติมว่ามีปัญหาอื่นอีกหรือไม่ เช่น น้ำมันเครื่องเสีย
แต่ถ้าไม่มีน้ำมันเครื่องเลย แสดงว่าอาจมีรอยรั่ว ให้ลองตรวจหารอยรั่ว ถ้าหากหาไม่เจอก็อาจเกิดจากประเก็นฝาสูบแตก ทำให้น้ำมันเครื่องรั่วเข้าห้องเผาไหม้ซึ่งจะทำให้ควันปลายท่อเป็นสีขาว หรืออาจรั่วเข้าระบบระบายความร้อน ซึ่งกรณีนี้จะต้องให้เครื่องเย็นก่อน จึงจะเปิดหม้อน้ำเพื่อตรวจดูสีของน้ำ หากเป็นสีกาแฟขุ่น แสดงว่ามีน้ำมันเครื่องรั่วเข้าระบบระบายความร้อน
ไฟแบตเตอรี่
ปกติไฟแบตเตอรี่จะติดเวลาสตาร์ทรถแล้วดับไปเมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว แต่ถ้าตอนสตาร์ทไฟนี้ไม่ขึ้น แต่ขึ้นหลังจากที่เครื่องยนต์ติดแล้ว หรือระหว่างขับรถ นั่นแสดงว่าแบตเตอรี่ของคุณเก็บไฟไม่ได้ ซึ่งอาจเกิดจากแบตเตอรี่เสื่อม ไดชาร์ทหย่อน ขาด เสื่อมสภาพ หรือหมดอายุ
เมื่อไฟเตือนนี้สว่างขึ้น ให้คุณปิดวิทยุ แอร์ และระบบไฟฟ้าอื่นๆ เพื่อให้แบตเตอรี่ยังพอมีไฟฟ้าอยู่ แล้วหาศูนย์ หรืออู่ที่ใกล้ที่สุด หากไม่มีก็ควรนำรถจอดเข้าข้างทางโดยเร็ว เพราะไม่นาน รถก็จะดับเนื่องจากไม่มีไฟฟ้าเลี้ยงระบบ
ไฟเบรกมือ
ไฟนี้จะขึ้นเมื่อเราดึงเบรกมือ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่ได้ดึงเบรกมือแต่ไฟนี้สว่างขึ้นมา แสดงว่าระดับน้ำมันเบรกต่ำ อีกกรณีคือ เวลาที่เราเลี้ยวรถแรงๆ ไฟนี้ก็อาจกระพริบขึ้นมาได้เพราะระบบช่วยทรงตัวของรถกำลังทำงาน พอรถทรงตัวได้แล้ว ไฟนี้ก็จะหยุดกระพริบ แต่ถ้าไม่หยุดกระพริบ ก็ควรนำรถไปเช็กการทรงตัว
ไฟ ABS
ไฟนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ติดตอนก่อนที่เราจะสตาร์ทรถ และอาจจะกระพริบระหว่างขับถ้าหากเราเบรครถแรงๆ เพื่อบอกให้เรารู้ว่าระบบเบรค ABS กำลังทำงานอยู่ แต่ถ้าไฟเอบีเอสนี้สว่างขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่ได้เบรกแรง แปลว่าระบบอาจจะมีปัญหา แต่ก็ยังสามารถขับต่อไปได้ แต่ไม่ควรใช้ความเร็ว และให้ลองตรวจเช็กจากคู่มืออีกทีเนื่องจากรถบางรุ่นอาจมีสัญลักษณ์ที่คล้ายกัน
ไฟเตือนอุณหภูมิเครื่องยนต์
อีกไฟที่ต้องระวังคือไฟนี้ เพราะเมื่อไหร่ที่ไฟนี้สว่างขึ้นมาแสดงว่าเครื่องยนต์มีอุณหภูมิที่สูงเกินไป และอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ ดังนั้นคุณควรนำรถจอดเข้าข้างทางทันที รอให้อุณหภูมิรถยนต์เย็นลงแล้วค่อยตรวจเช็กระบบหล่อเย็น ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่จะมาจาก การอุดตัน การรั่ว หรือระดับของน้ำยาหล่อเย็น แต่ถ้าคุณยังฝืนขับต่อหรือปล่อยให้อุณหภูมิสูงต่อไปเรื่อยๆ เครื่องจะดับ และอาจทำให้ฝาสูบโก่ง หรือเสื้อสูบบิด ร้าวได้
แต่เพื่อความปลอดภัย คุณควรเช็กสภาพของรถอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนการขับรถระยะไกล และเมื่อเกิดปัญหา ให้ตั้งสติ ใจเย็นๆ และพยายามนำรถเข้าข้างทางโดยเลือกจุดที่ปลอดภัยเสมอ
บทความแนะนำ: