รถยนต์ไฟฟ้า รถ EV จ่ายภาษีกี่บาท แพง-ถูกกว่ารถน้ำมันเท่าไหร่

ในปี 2567 การจ่ายภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยยังคงอยู่ในกรอบที่ถูกกำหนดตามน้ำหนักของรถยนต์เป็นหลัก ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต่างจากการคิดภาษีรถกระบะหรือรถยนต์ทั่วไปที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง แม้กระนั้น รถ ev ยังได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐบาลในการลดหย่อนภาษีในบางช่วงเวลา เพื่อส่งเสริมการใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

การคำนวณภาษีรถ ev รายละเอียดที่คุณควรรู้

ภาษีประจำปีของรถ ev ในประเทศไทยถูกคำนวณจากน้ำหนักของรถยนต์ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์เดียวกับการคำนวณภาษีของรถกระบะ โดยมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันตามน้ำหนักรถยนต์ ดังนี้

• น้ำหนักไม่เกิน 500 กก. อัตราภาษีอยู่ที่ 150 บาทต่อปี
• น้ำหนัก 501-750 กก. อัตราภาษีอยู่ที่ 300 บาทต่อปี
• น้ำหนัก 751-1,000 กก. อัตราภาษีอยู่ที่ 450 บาทต่อปี
• น้ำหนัก 1,001-1,250 กก. อัตราภาษีอยู่ที่ 800 บาทต่อปี
• น้ำหนัก 1,251-1,500 กก. อัตราภาษีอยู่ที่ 1,000 บาทต่อปี
• น้ำหนัก 1,501-1,750 กก. อัตราภาษีอยู่ที่ 1,300 บาทต่อปี
• น้ำหนัก 1,751-2,000 กก. อัตราภาษีอยู่ที่ 1,600 บาทต่อปี
• น้ำหนัก 2,001-2,500 กก. อัตราภาษีอยู่ที่ 1,900 บาทต่อปี
• น้ำหนัก 2,501-3,000 กก. อัตราภาษีอยู่ที่ 2,200 บาทต่อปี

จากข้อมูลดังกล่าวหากคุณมีรถอีวีที่หนักประมาณ 1,500-2,000 กิโลกรัม จะต้องจ่ายภาษีปีละประมาณ 1,300-1,600 บาท โดยการคิดภาษีนี้ไม่ได้จำกัดว่าคุณใช้รถยี่ห้ออะไร รุ่นไหน แต่จะพิจารณาที่น้ำหนักเท่านั้น ซึ่งทำให้คิดได้ง่ายและไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากเพิ่มเติม

นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ

อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยมีนโยบายที่อยากให้คนหันมาใช้รถอีวีเพิ่มมากขึ้น โดยการเสนอโปรโมชันลดภาษีประจำปีให้รถอีวีถึง 80%  แต่มีเงื่อนไขว่าต้องจดทะเบียนรถในช่วง 9 พฤศจิกายน 2565 ถึง 10 พฤศจิกายน 2568 นี้เท่านั้น ดังนั้นหากใครได้สิทธิ์นี้ก็จะจ่ายภาษีน้อยกว่ารถทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีและคุ้มมากๆ

ตัวอย่างการคำนวณภาษีสำหรับรถ ev รุ่นยอดนิยม

สมมติว่าคุณมีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นหนึ่งที่มีน้ำหนักประมาณ 1,600 กก. ซึ่งอยู่ในช่วงน้ำหนัก 1,501-1,750 กก. ตามเกณฑ์ของกรมการขนส่งทางบก คุณจะต้องเสียภาษีรายปีที่ 1,300 บาท อย่างไรก็ตาม หากคุณจดทะเบียนรถภายในช่วงวันที่กำหนด คุณอาจได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีลงถึง 80% ทำให้ภาษีที่ต้องจ่ายจริง ๆ อยู่ที่ประมาณ 260 บาทต่อปีเท่านั้น

4 รถเก๋งไฟฟ้าราคาถูกน่าซื้อ

Ora Good Cat

Ora Good Cat  มาจากค่าย Great Wall Motors ดีไซน์น่ารักสุดๆ แถมวิ่งได้ไกลถึง 500 กิโล ราคารถเก๋งไฟฟ้ารุ่นนี้เริ่มต้นที่ 799,000 บาท ใครที่อยากได้รถไฟฟ้าเล็กๆ น่ารักๆ แต่คุ้มค่า ต้องลองดูรุ่นนี้เลย!

BYD

BYD Dolphin น่าสนใจไม่แพ้กัน เป็นรถเก๋งไฟฟ้าขนาดกำลังดี ราคาไม่แรงมาก วิ่งได้ประมาณ 405 กิโล ราคารถเก๋งไฟฟ้ารุ่นนี้ประมาณ 799,000 บาท เหมาะมากสำหรับใครที่อยากลองใช้รถไฟฟ้าเป็นครั้งแรก

MG

MG4 Electric อีกหนึ่งตัวเด็ดคือ MG4 Electric นี่แหละ ราคาเริ่มต้นที่ 969,000 บาท ถือว่าคุ้มสุดๆ วิ่งได้ถึง 450 กิโลเลยนะ ใช้งานประจำวันสบายๆ ไม่ต้องกลัวแบตหมดกลางทางแน่นอน

Neta

Neta V อีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตามองมากๆ เลย ราคาเริ่มต้นแค่ 549,000 บาทเอง ซึ่งถือว่าถูกมากๆ สำหรับรถไฟฟ้า ใคร ๆ ก็สามารถจับต้องได้ สเปกก็ใช้งานในเมืองได้สบายๆ ใครที่งบน้อยแต่อยากมีรถไฟฟ้าใช้ ต้องลองดูเจ้านี่เลย! ซึ่งหลาย ๆ คนก็อาจจะคิดว่าถ้าราคาถูกคุณภาพคงไม่ดี แต่ปัจจุบันนี้ Neta เขาพิสูจน์ตัวเองมาแล้วว่าสามารถเทียบรถตลาดได้สบาย

ภาษีรถยนต์คืออะไร?

ภาษีรถยนต์เป็นหนึ่งในภาระทางการเงินที่เจ้าของรถทุกคนในประเทศไทยต้องรับผิดชอบ การจ่ายภาษีรถยนต์ถือเป็นข้อบังคับตามกฎหมาย โดยรายได้จากภาษีนี้จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมถึงการบำรุงรักษาถนนและระบบขนส่งสาธารณะ นอกจากภาษีรถยนต์แล้ว ยังมีประกันภัยภาคบังคับหรือ พ.ร.บ. รถยนต์ที่ต้องทำควบคู่กันไป โดยทั้งสองสิ่งนี้มีความสำคัญและไม่สามารถละเลยได้

ขั้นตอนการต่อภาษีรถยนต์อย่างละเอียด

การต่อภาษีรถยนต์เป็นขั้นตอนที่สำคัญและจำเป็นสำหรับเจ้าของรถทุกคน เพื่อให้การใช้งานรถเป็นไปตามกฎหมายและไม่มีปัญหาทางกฎหมายตามมา ต่อไปนี้คือขั้นตอนการต่อภาษีรถยนต์อย่างละเอียด

1.เตรียมเอกสาร

• เล่มทะเบียนรถยนต์ หรือสำเนาก็ได้
• พ.ร.บ. รถยนต์ หรือที่เราเรียกกันว่าประกันภัยภาคบังคับ
• ถ้ารถของคุณมีอายุเกิน 7 ปี ต้องมีใบรับรองการตรวจสภาพรถด้วย

2.เตรียมตัวก่อนต่อภาษี

• ตรวจสอบอายุรถของคุณก่อน ถ้าเกิน 7 ปี ต้องนำรถไปตรวจสภาพให้เรียบร้อยก่อน
• ลองคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ไว้ก่อน จะได้เตรียมเงินให้พอดี

3.ช่องทางการต่อภาษี (เลือกตามความสะดวกได้เลย)

• ไปต่อที่กรมการขนส่งทางบกโดยตรง
• ต่อผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก
• ต่อที่เคาน์เตอร์บริการ เช่น ไปรษณีย์ หรือธนาคาร
• ใช้บริการตู้ kiosk ตามห้างสรรพสินค้าหรือปั๊มน้ำมัน

4.ชำระเงิน

• ถ้าต่อออนไลน์ ก็ชำระผ่านบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารได้เลย
• ถ้าไปต่อที่เคาน์เตอร์บริการ ก็จ่ายด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิตได้
• ที่กรมการขนส่งทางบก จ่ายได้ทั้งเงินสดหรือบัตรเครดิต

5.รับเอกสารและสติกเกอร์

หลังจากชำระเงินเสร็จ คุณจะได้รับสติกเกอร์ป้ายภาษีใหม่และใบเสร็จรับเงิน อย่าลืมนำสติกเกอร์ไปติดที่รถของคุณด้วยนะ

การตรวจสภาพรถ (สำหรับรถอายุเกิน 7 ปี)

ต้องนำรถไปตรวจสภาพที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน หรือที่เรียกว่า ตรอ. เขาจะตรวจระบบเบรก ไฟสัญญาณ และการปล่อยควันดำ เพื่อให้แน่ใจว่ารถของคุณยังอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยสำหรับการใช้งานบนท้องถนน

ข้อควรระวัง

อย่าลืมต่อภาษีให้ตรงเวลา ถ้าช้าเกิน 1 วัน จะโดนปรับ 1% ต่อเดือนของค่าภาษีที่ต้องจ่าย ถ้าลืมต่อนานเกิน 3 ปี ทะเบียนรถจะถูกระงับ ต้องไปจดทะเบียนใหม่และเสียค่าปรับเพิ่ม ซึ่งยุ่งยากและเสียเงินมากกว่าเดิมเยอะ

บทสรุป

ภาษีรถยนต์ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งที่เจ้าของรถต้องให้ความสำคัญ โดยไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังเป็นการสนับสนุนการพัฒนาประเทศอีกด้วย การเข้าใจและเตรียมตัวให้พร้อมในการจ่ายภาษีจะช่วยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาทางกฎหมายตามมาในอนาคต