ประกันรถยนต์ชั้น 1 เบี้ยเริ่มต้น 750 บาท/เดือน ที่ SILKSPAN

วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์ หลังขับรถกลับจากเดินทางไกล


6 วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์หลังจากเดินทางไกล ต้องดูอะไรบ้าง

สำหรับใครที่ต้องใช้รถยนต์ในการเดินทางไกลบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว หรือทำงานข้ามจังหวัด การหมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วหลังจากขับรถยนต์กลับจากเดินทางไกลแล้วต้องตรวจเช็คอะไรบ้าง? มีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษหรือเปล่า? SILKSPAN ได้สรุปข้อมูลมาให้แล้ว

6 วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์หลังการเดินทางไกล

เพื่อให้คุณสามารถใช้งานรถยนต์ครั้งถัดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน หลังขับรถยนต์กลับจากเดินทางไกลแล้ว ควรตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้เรียบร้อยด้วย 6 วิธีต่อไปนี้

1. เช็คสภาพภายนอกของรถยนต์

สิ่งแรกที่คุณควรเช็คเลยก็คือ ตัวรถ หรือสีของรถมีรอยคราบ หรือรอยขีดข่วนหรือเปล่า เพราะในขณะที่เราขับรถยนต์ข้ามจังหวัด อาจมียางมะตอย น้ำยางต้นไม้ รอยหินดีด หรือขี้นกตกมาใส่รถได้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ ไม่รีบล้างทำความสะอาดตั้งแต่เนิ่นๆ ก็อาจทำให้สีรถด่างได้

2. เช็คสภาพยางรถยนต์

ยางรถยนต์เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้รถยนต์เคลื่อนไหวได้ หลังจากเดินทางไกลแล้ว อย่าลืมตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้เรียบร้อย เพราะถ้ายางมีปัญหา ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ง่าย โดยวิธีเช็คสภาพยางรถยนต์เบื้องต้น มีดังนี้

  • เช็คอายุการใช้งาน : ปกติแล้ว ทางผู้ผลิตยางรถยนต์จะแนะนำให้เปลี่ยนยางทุกๆ 2 ปี หรือ 50,0000 กิโลเมตร นับจากวันที่ติดตั้งยาง
  • ตรวจสอบร่องดอกยาง : ยางทุกเส้นจะมีปุ่มในร่องดอกยางเพื่อวัดความลึกของร่องดอกยาง เรียกว่า “สะพานยาง” ถ้าเมื่อไหร่ที่ดอกยางสึกเท่ากับสะพานยาง แนะนำให้เปลี่ยนยางรถใหม่ เนื่องจากยางจะเกาะติดถนนไม่ดีเวลาที่ขับผ่านแอ่งน้ำ
  • ตรวจสอบไหล่ยาง : ไหล่ยางทั้งสองข้างควรสึกเสมอกัน ถ้าสึกไม่เท่ากัน หรือสึกเพียงข้างใดข้างหนึ่ง แสดงว่ามีลมยางอ่อน หรือช่วงล่างรถยนต์มีปัญหา
  • ตรวจสอบแก้มยาง : เป็นส่วนที่นิ่มที่สุด จึงมีความเสี่ยงเกิดความเสียหายได้ง่ายที่สุด ถ้าตรวจพบว่ามีรอยเบียด รอยบดเป็นเส้นรอบวง หรือบวมปูด ก็ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่เช่นกัน

3. เช็คน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์

น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า “น้ำมันหล่อลื่น” หรือ “น้ำมันเครื่อง” เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้รถยนต์ทำงานได้ตามปกติ และยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ เพราะสามารถช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ เพื่อลดแรงเสียดทาน ช่วยระบายความร้อนเครื่องยนต์ ป้องกันสนิมและการกัดกร่อนได้ การตรวจเช็คน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์หลังเดินทางไกลจึงเป็นอีกหนึ่งข้อที่ทุกคนไม่ควรละเลย

สำหรับวิธีเช็คน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการดึงก้านตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องขึ้นมาดู โดยมีวิธีดูดังนี้

  • หากการแสดงผลโชว์ระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min แสดงว่าปกติ
  • หากการแสดงผลโชว์ระดับน้ำมันเครื่องอยู่ต่ำกว่า L หรือ Min แสดงว่า น้ำมันเครื่องอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดการสึกหรอได้
  • หากการแสดงผลโชว์ระดับน้ำมันเครื่องอยู่บนขีด F หรือ Max แสดงว่า น้ำมันเครื่องอยู่ในระดับมากกว่าปกติ อาจทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไปจนทำให้สิ้นเปลืองพลังงานได้

หากสีน้ำมันเครื่องที่ติดอยู่บนก้านมีความดำมากผิดปกติ แสดงว่า น้ำมันเครื่องมีความสกปรก และอาจทำให้ประสิทธิภาพการหล่อลื่นลดลงได้

เช็กเบี้ยประกันรถล่วงหน้ากับ SILKSPAN แจกฟรี ค้อนนิรภัย 5 รางวัล

4. เช็คน้ำยาหล่อเย็น

การเช็คน้ำมันหล่อเย็น หรือระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ต้องดูให้ดีหลังขับรถยนต์จากการเดินทางไกล เพราะถ้ามีน้ำมันหล่อเย็นน้อยเกินไปก็อาจทำให้เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท (Over heat) ได้ โดยให้ดูที่หม้อพักน้ำยาหล่อเย็น จะต้องอยู่เหนือระดับ Min ถ้าน้อยกว่านั้น ให้เติมน้ำยาหล่อเย็นให้เรียบร้อยก่อนจะใช้งานรถยนต์ในครั้งถัดไป

5. เช็คระบบเบรกรถยนต์

การเช็คระบบห้ามล้อรถยนต์ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “เบรกรถยนต์” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ต้องให้ความสำคัญอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเดินทางใกล้ หรือไกล เพราะถ้าเบรกรถยนต์มีปัญหา ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ มั่นใจเลยว่าจะทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาแน่นอน

สำหรับวิธีการเช็คระบบเบรกรถยนต์เบื้องต้นด้วยตนเอง มีดังนี้

  • ลองสังเกตเวลาเหยียบเบรก หากพบว่า ระยะเบรกที่เท้าลึกกว่าปกติ แสดงว่าเนื้อผ้าเบรกเริ่มสึกหรอแล้ว ควรเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่
  • ตรวจสอบจานเบรก หากพบว่า มีคราบฝุ่น หรือสิ่งสกปรกเกาะติดอยู่ ก็ควรล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพราะจะส่งผลให้เบรกรถทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
  • หลังจากจอดรถแล้ว ในวันถัดไปให้ลองสังเกตดูว่า มีคราบน้ำมันหยดบริเวณล้อรถหรือเปล่า ถ้ามี แสดงว่าตัวระบบเบรกบางจุดที่รั่วซึมอยู่ ควรเอารถไปเข้าอู่ หรือศูนย์เพื่อตรวจเช็กให้เร็วที่สุด

6. เช็คการทำงานของไฟรถยนต์และที่ปัดน้ำฝน

นอกจากการเช็คระบบการทำงานของเครื่องยนต์แล้ว การทำงานของไฟรถยนต์และที่ปัดน้ำฝนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลย โดยคุณจะต้องเช็คให้ดีว่า ไฟรถยนต์ส่องสว่างได้ปกติหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า ไฟหลัง หรือไฟเลี้ยว และจะต้องเช็คการทำงานของที่ปัดน้ำฝนด้วย เพราะถ้าขับรถยนต์ครั้งถัดไปแล้วฝนตก แต่ที่ปัดน้ำฝนไม่สามารถใช้งานได้ ก็จะส่งผลต่อทัศนวิสัย และทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

6 วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์หลังจากเดินทางไกล ต้องดูอะไรบ้าง

ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ SILKSPAN พร้อมคุ้มครองทุกการเดินทาง

จบกันไปแล้วกับการแนะนำ 6 วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์หลังจากเดินทางไกล หวังว่าจะช่วยให้คุณสามารถดูแลและตรวจสภาพรถยนต์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม ทำให้การเดินทางในครั้งถัดไป ราบรื่น ปลอดภัย ไม่มีปัญหาอะไรมากวนใจ อย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แม้ว่าเราจะระมัดระวังแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นทุกคนจึงควรทำประกันรถยนต์ และประกันอุบัติเหตุติดตัวไว้เสมอ ก็จะดีที่สุด

สำหรับใครที่มีรถยนต์ แล้วยังไม่ได้ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือกำลังมองหาที่ต่อประกันรถยนต์ชั้น 1 อยู่ ให้ SILKSPAN เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ​ เรามีบริการผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน เบี้ยเริ่มต้นที่ 750 บาทต่อเดือนเท่านั้น! สามารถเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครองที่ตนเองสนใจได้เลย รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน!


เขียนโดย : SILKSPAN ADVISOR
เผยแพร่วันที่ : 11/10/2024
รับข้อเสนอพิเศษ

จองสิทธิ์! ซื้อประกันรถยนต์ล่วงหน้ากับ SILKSPAN รับสิทธิ์ประโยชน์

  1. ส่วนลดสูงสุด 30%
  2. แบ่งจ่ายได้สูงสุด 10 เดือน (บัตรเครดิต และเงินสด)
  3. บริการเสริมช่วยเหลือฉุกเฉิน และเบิกค่าเดินทาง
  4. บริการเปรียบเทียบเบี้ยประกันจากบริษัทประกันกว่า 20 แห่ง

กรอกรายละเอียดเพื่อรับข้อเสนอจากพนักงานของเรา

“เช็คเบี้ยประกันรถฟรี 24 ชม.”

กำลังโหลด