8 สัญญาณเตือนจากรถยนต์ที่กำลังบอกว่าใกล้ได้เวลาซ่อมแล้ว

สำหรับคนที่เป็นเจ้าของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถที่ใช้งานมานาน สิ่งสำคัญคือการสังเกตสัญญาณผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เพราะหากละเลยไป อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้รถดับหรือเสียหายระหว่างขับขี่ได้ อีกทั้งยังนำไปสู่ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นด้วย สำหรับใครที่รู้สึกว่ารถยนต์ที่ใช้ทุกวันเริ่มมีความผิดปกติ หรืออยากได้ข้อมูลดีๆ เพื่อใช้สังเกตสัญญาเตือนได้ชัดเจนมากขึ้น วันนี้เราจะมาแนะนำ 8 สัญญาณเตือนจากรถยนต์ ที่บ่งบอกว่าถึงเวลา ซ่อมรถยนต์ ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามและนำไปสู่การซ่อมแซมในราคาแพง

8 สัญญาณเตือนจากรถยนต์ ที่ไม่ควรมองข้าม

1. รถสตาร์ทติดยาก

หาก รถยนต์ เริ่มมีปัญหาสตาร์ทติดยาก อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น แบตเตอรี่เสื่อม ไดชาร์จมีปัญหา หรือระบบจุดระเบิดทำงานผิดปกติ ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้วันหนึ่งเกิดปัญหารถเสียสตาร์ทไม่ติดได้ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าการสตาร์ทรถใช้เวลานานขึ้น หรือมีการสตาร์ทไม่ติดขึ้นสักครั้งหนึ่งแล้ว ควรนำรถเข้าศูนย์ ซ่อมรถ เพื่อเช็กระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่

2. มีควันขาวออกจากท่อ

โดยปกติแล้วรถยนต์จะไม่มีการปล่อยไอเสียหรือควันออกมาให้เห็นได้ชัด โดยเฉพาะรถยนต์ใหม่ยิ่งมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้น แต่เมื่อสังกตเห็นควันขาวที่ออกจากท่อไอเสียในปริมาณมากและต่อเนื่อง นั่นอาจเป็นสัญญาณของน้ำมันเครื่องรั่วเข้าสู่ห้องเผาไหม้ หรือปะเก็นฝาสูบเริ่มมีปัญหา ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดและเสียหายรุนแรง ดังนั้นควรรีบนำรถเข้าศูนย์หรืออู่เพื่อตรวจสอบและซ่อมรถยนต์ทันที

3. เกิดเสียงดังผิดปกติ

รถยนต์ที่เคยขับขี่แล้วเงียบสงบไม่มีเสียงดังรบกวน แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงดังผิดปกติจากเครื่องยนต์ เบรก หรือช่วงล่าง เช่น เสียงหอน เสียงดังแกร๊กๆ หรือเสียงคล้ายโลหะเสียดสีกัน นั่นหมายความว่าอาจเกิดจากชิ้นส่วนเริ่มมีความสึกหรอ หรือระบบหล่อลื่นทำงานไม่ดี หากได้ยินเสียงผิดปกติ ควรนำรถไปให้ช่างตรวจสอบโดยด่วน เพราะหากเป็นกรณีที่เครื่องหรืออะไหล่หลวมยิ่งมีอันตรายต่อการขับขี่ได้

4. เมื่อขับรถแล้วรู้สึกโช้คนุ่มกว่าปกติ

หากขับรถในเส้นทางที่ผิวถนนไม่เรียบ หรือขึ้นลูกระนาดแล้วรู้สึกว่า โช้คอัพ นิ่มผิดปกติ หรือรถมีอาการโยกเยกมากกว่าที่เคยขับขี่ในเส้นทางเดิม รวมถึงมีเสียงดังขณะขึ้น-ลงลูกระนาด นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าโช้คอัพเริ่มเสื่อมสภาพ ซึ่งส่งผลต่อการทรงตัวของรถ และมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ควรรีบเปลี่ยนโช้คอัพใหม่ดีที่สุด

5. เกียร์ไม่เข้าตามตำแหน่ง

ปัญหาเกียร์เข้าไม่ตรงตำแหน่ง หรือเข้าเกียร์แล้วมีอาการกระตุกแม้ว่าเป็นรถเกียร์กระปุกหรือเกียร์ออโต้ก็ตาม นั่นอาจเป็นสัญญาณของน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ หรือระบบเกียร์เริ่มมีปัญหา เพราะตามปกติแล้วการเข้าเกียร์ต้องทำได้โดยสะดวกและเคลื่อนตำแหน่งได้ง่าย หากพบความผิดปกติในส่วนนี้ควรรีบตรวจสอบและนำรถเข้าศูนย์ ซ่อมรถยนต์ เพื่อแก้ไขก่อนที่ระบบเกียร์จะเสียหายรุนแรง

6. มีสัญญาณไฟเตือน

วิธีสังเกตความผิดปกติของรถยนต์ก่อนที่รถจะเสียที่สะดวก และง่ายที่สุดก็คื  เมื่อเห็นไฟเตือนบนหน้าปัด เช่น ไฟรูปเครื่องยนต์ (Check Engine) ไฟเตือนน้ำมันเครื่อง หรือไฟเตือนเบรก การแจ้งเตือนแบบนี้อย่ามองข้ามเด็ดขาด เพราะเป็นสัญญาณที่บอกว่าระบบต่างๆ ที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์กำลังมีปัญหา และเป็นส่วนที่ง่ายที่สุดสำหรับมือใหม่หัดใช้รถเพราะช่วยให้เห็นความผิดปกติได้ง่ายที่สุด ทั้งนี้เมื่อเห็นสัญญาณเตือนไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม ควรรีบเข้ารับบริการซ่อมแซมรถยนต์ เพื่อป้องกันปัญหาลุกลามหรือเกิดความเสียหายในขณะใช้รถ

7. มีกลิ่นไหม้ในขณะที่ขับรถ

แม้ว่ารถยนต์ระบบสันดาปจะมีการเผ้าไหม้ในห้องเครื่องก็ตาม แต่ก็ไม่ควรที่จะมีกลิ่นไหม้เกิดขึ้นในขณะขับขี่ หากได้กลิ่นไหม้ขณะขับรถกรณีนี้ยิ่งไม่ควรปล่อยไว้ เพราะอาจเกิดจากปัญหาระบบคลัทช์ เบรก หรือน้ำมันเครื่องรั่ว ซึ่งอาจก่อให้เกิดไฟไหม้ในระหว่างขับขี่ได้ บางคนนอกจากกลิ่นไหม้แล้วอาจมองเห็นควันลอยเข้ามาภายในตัวรถยนต์ หรือทางช่องแอร์ ควรหยุดรถทันทีและนำรถเข้าตรวจสอบโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแก้ไขเป็นกรณีเร่งด่วนที่สุด

8. เบรกไม่แน่น เบรกแล้วมีเสียง

ระบบเบรกเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการขับขี่ เพราะเป็นระบบที่มีผลต่อความปลอดภัยโดยตรง การทำงานของเบรกที่ดีจะต้องลดความเร็วลงได้ทันทีที่แตะเบรก และกรณีฉุกเฉินจะต้องสามารถหยุดการเคลื่อนที่ของรถยนต์ได้ทันที อย่างไรก็ตามหากรู้สึกว่าเบรกไม่แน่น เบรกแล้วรถยังคงช่วงเคลื่อนที่ หรือมีเสียงดังขณะเบรก เช่น เสียงเสียดสีหรือเสียงหวีด อาจเป็นสัญญาณว่า ผ้าเบรกสึกหรอ หรือระบบเบรกมีปัญหา ซึ่งเป็นอันตรายต่อความปลอดภัย ควรรีบซ่อมรถยนต์ และเปลี่ยนอะไหล่ที่จำเป็นทันที

สังเกตความผิดปกติของรถยนต์ ช่วยลดอันตรายได้ในระหว่างขับขี่

รถยนต์ทุกคันเมื่อใช้งานไปนานๆ ย่อมมีการสึกหรอหรือมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่ลดลง แต่เพื่อรักษาอายุการใช้งาน นอกจากการนำรถยนต์เข้าตรวจเช็กสภาพตามครบกำหนดระยะแล้ว การสังเกตเห็นสัญญาณผิดปกติของรถยนต์จาก 8 ข้อนี้ก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้เมื่อสังเกตเห็นความรถยนต์เริ่มมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแม้เล็กน้อย หรือเป็นๆ หายๆ ก็ควรนำรถเข้าตรวจเช็กและ ซ่อมรถยนต์ ก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม เพื่อความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ให้ยาวนานได้มากที่สุด