การันตี เช็กเบี้ยประกันล่วงหน้าถูกลงถึง 30%

5 ขั้นตอนการต่ออายุใบขับขี่ อัปเดตข้อมูลล่าสุดประจำปี 2567


5 ขั้นตอนการต่ออายุใบขับขี่ อัปเดตข้อมูลล่าสุดประจำปี 2567

ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2546 ประเทศไทยก็ได้ยกเลิก “ใบขับขี่ตลอดชีพ” ทำให้ผู้ที่ถือใบขับขี่จะต้องดำเนินการต่ออายุใบขับขี่ทุก ๆ 2 หรือ 5 ปี แต่ก็เป็นอันรู้กันดี ว่าด้วยนิสัยคนไทยของเรา ไม่ค่อยจะชอบอะไรที่เป็นขั้นตอนยุ่งยากสักเท่าไหร่ และการดำเนินการเกี่ยวกับใบขับขี่ ก็ค่อนข้างขึ้นชื่อลือชาว่า มีคนเนืองแน่นอยู่เกือบตลอดทั้งปี บทความนี้เราจึงอยากแนะนำ 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่ช่วยทำให้คุณสามารถต่ออายุใบขับขี่ ได้อย่างง่ายดายมากที่สุด จะง่ายดายมากแค่ไหน ไปชมกันเลย

1.จัดเตรียมเอกสารที่สำคัญในการต่ออายุใบขับขี่

เอาล่ะ ! มาเริ่มต้นกันด้วยขั้นตอนแรกในการต่ออายุใบขับขี่ เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการเตรียมเอกสารสำคัญที่จำเป็นต้องใช้เพื่อยื่นคำร้อง ซึ่งก็มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นคือ บัตรประชาชนตัวจริง , ใบรับรองแพทย์ และ ใบขับขี่เดิมที่ต้องการต่ออายุ โดยเอกสารทุกอย่างจะต้องไม่หมดอายุ ( ยกเว้นใบขับขี่ที่ต้องการต่ออายุ )

2.เข้ารับการอบรมภาคทฤษฎีผ่านระบบ DLT e-Learning

ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า และ จากสถานการณ์โรคระบาด ทำให้กรมการขนส่งทางบกนั้นได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการอบรม มาใช้ “DLT e-learning” เป็นระบบการอบรมใบอนุญาตขับรถแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยย่นระยะเวลาการต่ออายุใบขับขี่ได้เยอะมาก ๆ ภายในระบบจะมีวิดีโอการอบรมเกี่ยวกับกฎหมายจราจร และ การขับขี่อย่างปลอดภัย พร้อมกับแบบทดสอบในช่วงท้าย อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นการอบรมออนไลน์ ก็ควรตั้งใจอบรม และ ทำแบบทดสอบให้ถูกต้อง เพราะผลจากการอบรมจะถูกนำไปใช้เป็นหลักฐานในการต่ออายุใบขับขี่

3.เดินทางเข้ายื่นคำร้องขอต่ออายุใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่งใกล้บ้าน

ในปี 2567 ได้มีการเปิดรับผู้ที่ต้องการต่ออายุใบขับขี่แบบ Walk In เรียบร้อยแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้จะต้องทำการ จองคิวต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ก่อนถึงจะดำเนินการได้ โดยคุณสามารถเลือกสำนักงานขนส่งที่สะดวกมากที่สุด ในเวลาทำการอยู่ที่ 08:30 ถึง 15:30 แต่ถ้าใครสะดวกที่จะจองออนไลน์ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ไม่ส่วนนี้ไม่ได้ตายตัว

4.เข้ารับการทดสอบสมรรถภาพทางกาย

หลังจากยื่นคำร้องต่ออายุใบขับขี่ และ ตรวจสอบเอกสารสำคัญเรียบร้อย สำหรับผู้ที่เข้ารับการอบรมออนไลน์ผ่าน DLT e-learning ก็สามารถเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพร่างกายได้เลย ไม่ต้องอบรมภาคทฤษฎี แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้อบรมออนไลน์ จะต้องดำเนินการอบรมภาคทฤษฎีตามระเบียบปฏิบัติ โดยการตรวจร่างกายหลัก ๆ ก็จะเป็นเรื่องของการมองเห็น ตรวจสอบตาบอดสี การมองเห็นในระยะไกล รวมถึง การได้ยิน และ ปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างการขับขี่ เป็นต้น

5.ชำระค่าธรรมเนียมในการต่ออายุใบขับขี่

หากขั้นตอนทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด ก็จะมาถึงในขั้นตอนสุดท้ายของการต่ออายุใบขับขี่ นั่นก็คือการจ่ายค่าธรรมเนียม โดยอัตราค่าธรรมเนียมนั้นก็จะแตกต่างกันออกไป หากเป็นใบขับขี่ส่วนบุคคล แบบ 5 ปี รถจักรยานยนต์จะอยู่ที่ 255 บาท ส่วน รถยนต์จะอยู่ที่ 505 บาท เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการต่ออายุใบขับขี่

ล็อคราคา ต่อประกันชั้น 1 ล่วหน้าก่อนหมดอายุ

ตั้งแต่ปี 2567 ไม่จำเป็นต้องจองคิวต่ออายุใบขับขี่จริงหรือไม่ ?

เป็นเรื่อง “จริง” เพราะหลายคนยังจำ กับขั้นตอนเดิมที่ว่า “ต้องจองคิวต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ก่อน” ที่จริงแล้วสามารถ Walk In ได้ตั้งแต่ช่วงปลาย ๆ ปี 2566 เพราะสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ผ่อนคลายลงแล้ว แต่อาจจะต้องลุ้นในส่วนของจำนวนคิวของผู้มาเข้ารับบริการ หากวันไหนที่มีคนเยอะก็อาจจะใช้ระยะเวลาสักหน่อย นั่นเป็นสาเหตุที่เราอยากแนะนำให้คุณเตรียมพร้อม ด้วยการอบรมออนไลน์ผ่านระบบ DLT e-learning เพราะจะช่วยทำให้การดำเนินการรวดเร็วมากกว่าเดิมพอสมควรเลยทีเดียว

 

เกร็ดความรู้ในการต่ออายุใบขับขี่ หากไม่อยากมีปัญหาต้องอ่าน !

ด้วยการพัฒนาระบบของกรมการขนส่ง ทำให้การต่ออายุใบขับขี่ไม่ได้ยุ่งยากชวนปวดหัวเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณควรต้องทำความเข้าใจ ก่อนจะเข้ารับบริการต่ออายุใบขับขี่ ดังนี้

  • ควรต่อใบขับขี่ล่วงหน้าก่อนจะหมดอายุจะดีที่สุด ภายในระยะเวลา 3 เดือน หรือ ถ้าใบขับขี่หมดอายุก็ไม่ควรปล่อยให้เกิน 1 ปี สำหรับผู้ที่ปล่อยขาดเกิน 3 ปี จะต้องสอบข้อเขียน และ ภาคปฏิบัติใหม่ทั้งหมด
  • ใบรับรองแพทย์ที่ใช้ในการต่ออายุใบขับขี่ สามารถขอได้ที่ โรงพยาบาล หรือ คลินิกทางการแพทย์ โดยมีอายุเพียง 30 วันเท่านั้น
  • ก่อนวันที่ต้องดำเนินการต่ออายุใบขับขี่ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้สภาพร่างกายพร้อมต่อการเข้ารับการตรวจสอบสมรรถภาพให้มากที่สุด
  • หากมีการเปลี่ยน ชื่อ ที่อยู่ ซึ่งไม่ตรงกับในใบขับขี่ จะต้องนำเอกสารเข้ามาแจ้งกับสำนักงานขนส่งภายในระยะเวลา 15 วัน

 

บทส่งท้าย

การปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุมีความผิดทางกฎหมาย ระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ดังนั้นหากคุณใช้รถใช้ถนนในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เมื่อใบขับขี่เหลืออายุอยู่ที่ประมาณ 3 เดือน ก็ใช้ขั้นตอนในบทความนี้ไปใช้ในการต่ออายุใบขับขี่ โดยเราได้นำเอาวิธีสำหรับการต่ออายุสำหรับ “ใบขับขี่ประเภทส่วนบุคคล” หากเป็นใบขับขี่ประเภทอื่น อาจมีขั้นตอนที่แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย สุดท้ายนี้นอกจากใบขับขี่ที่จำเป็นต่อการใช้รถใช้ถนน อย่าลืมมองหาประกันรถชั้น1 หรือประกันภัยรถยนต์ดี ๆ ติดรถของคุณเอาไว้ ซึ่ง SILKSPAN พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับคุณ


เขียนโดย : SILKSPAN ADVISOR
เผยแพร่วันที่ : 18/06/2024
โปรโมชั่นแนะนำ
Staff Call Center
“เช็กเบี้ยประกันรถ เซฟกว่าเดิม 30%”