รถเคลมประกันบ่อย เบี้ยแพงขึ้น แถมประวัติเสียจริงหรือไม่
อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แม้ว่าคุณจะขับขี่อย่างระมัดระวังมากแค่ไหน แต่คุณก็ไม่มีวันรู้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุจากผู้ใช้งานถนนคนอื่นหรือไม่ ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่จึงเลือกทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีไว้คุ้มครอง ทำให้อุ่นใจในยามเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้รถยนต์มือใหม่ หรือขับมานานแล้วมักพบปัญหาการเคลมประกันอยู่เสมอ แล้วการเคลมประกันบ่อยๆ มีผลเสียต่อการต่ออายุประกันจริงหรือไม่ วันนี้ SILKSPAN หาคำตอบมาให้คุณ
เคลมบ่อย ส่งผลเสียจริงหรือไม่
สำหรับการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดที่ไปชนคันอื่น หรือว่าจะเป็นฝ่ายถูกที่โดนชนเอง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์อุบัติเหตุแบบไหนล้วนจะถูกเก็บเป็นประวัติการขับขี่ ที่มีผลต่อการต่อประกันในปีถัดไปอย่างแน่นอน แต่เมื่อมีการเคลมประกันแล้ว การเคลมประกันที่บ่อย และถี่จนเกินไปก็อาจมีปัญหาเช่นกัน
หากเป็นฝ่ายถูก
คุณสามารถสบายใจได้เลยว่า ประวัติการเคลมเนื่องจากการถูกชน และคุณเป็นฝ่ายถูกนั้นจะไม่มีผลต่อการต่ออายุ และคำนวณเบี้ยประกันในรอบปีหน้าอย่างแน่นอน แต่การเคลมประกันบ่อยๆ ก็ใช้ว่าจะเป็นเรื่องดี ซึ่งนั่นก็อาจส่งผลเสียให้กับผู้ขับขี่ในด้านอื่นๆ เช่น ต้องเสียเวลาที่จะต้องนำรถเข้าอู่ หรือศูนย์ซ่อม การซ่อมในจุดที่เล็กน้อย หรือบาดแผลที่เล็กน้อย อาจกินเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ถ้าหากเป็นอุบัติเหตุใหญ่ก็ต้องเสียเวลาในการรอซ่อม แถมอาจสร้างบาดแผลในใจแก่เจ้าของรถที่ถูกชนอีกด้วย
หากเป็นฝ่ายผิด หรือทำการเคลมแห้ง
หากประกันภัยรถยนต์ที่คุณทำ มีทุนประกันที่ครอบคลุมกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็อาจไม่น่าเป็นที่กังวลใจกับการเคลมประกัน แต่แน่นอนว่าจะมีผลต่อประวัติการขับขี่ และเบี้ยประกันของคุณในปีถัดไป และที่สำคัญ หากเป็นฝ่ายผิด และประกันภัยรถยนต์ที่ทำอาจไม่ได้คุ้มครองบางกรณี หรือคุ้มครองได้ไม่ครอบคลุม คุณเองก็จะต้องเป็นฝ่ายจ่ายค่าเสียหายเพิ่มเติมเองทั้งในการซ่อมรถของคุณ และคู่กรณี
สำหรับการเคลมแห้ง ที่ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 รองรับ สามารถทำได้ เคลมได้ตามปกติ การเคลมแห้ง คือ การเคลมประกันอุบัติเหตุที่ไม่ได้เกิดขึ้นใน ณ เวลานั้น เช่น การโดนชนแล้วหนี แต่มีหลักฐาน ระบุคู่กรณีได้, ชนบ้าน อาคาร หรือทรัพย์สินที่อยู่กับที่ ชนคน หรือชนสัตว์ สามารถเคลมประกันได้แบบไม่มีค่า excess แต่ในบางกรณีก็จะต้องจ่ายค่า Excess หรือค่าเสียหายส่วนแรกให้กับทางประกัน เช่น ขับรถเหยียบของมีคม, ก้อนหินกระเด็นใส่รถ หรือเกิดเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ซึ่งการเคลมแห้งไม่ว่าจะต้องจ่าย หรือไม่จ่ายค่า Excess ก็ล้วนมีผลต่อประวัติการขับขี่ของคุณเช่นเดียวกับการเกิดอุบัติเหตุ และคุณเป็นฝ่ายผิด
ผลเสียที่ตามมาจากการเคลมบ่อยๆ
1.เบี้ยประกันในปีถัดไปสูงขึ้น
เมื่อมีการเคลมประกันบ่อย และเป็นฝ่ายผิด การเคลมประกันภัยรถยนต์แบบนี้ มีผลต่อการต่อประกันภัยรถยนต์ในปีถัดไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุแบบไหนก็จะมีการบันทึกประวัติการขับขี่ของรถยนต์คันนั้นๆ ไว้เสมอ เพื่อที่จะสามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินราคาทุนประกัน และคำนวณเบี้ยประกันภัยรถยนต์ด้วยเช่นกัน หากรถยนต์ของคุณ และตัวคุณมีประวัติในการขับขี่ไม่ดีติดต่อกัน เมื่อทำการต่อประกันกับบริษัทประกันภัยเจ้าเดิม หรือมีการเปลี่ยนบริษัทเป็นบริษัทใหม่ ทางบริษัทประกันภัยเองก็จะนำประวัติในการขับขี่ที่ผ่านมาพิจารณาค่าทุนประกันภัย ซึ่งในทางบริษัทประกันอาจมองว่าคุณมีความเสี่ยงที่จะมีการขับขี่ที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง จึงจำเป็นจะต้องเสนอตัวทุนประกันภัยรถยนต์ที่มีจำนวนที่สูงครอบคลุมกับความคุ้มครองที่ต้องได้รับ ซึ่งเมื่อทุนประกันภัยสูงขึ้นก็จะทำให้มีค่าเบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน เพื่อรองรับเหตุการณ์อุบัติเหตุ และการเคลมประกันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
2.ไม่ได้รับส่วนลดประวัติดี
สำหรับผู้ที่มีการขับขี่ที่ดี และมีการต่อประกันกับบริษัทเดิม มีสิทธิ์ได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันลงอีกด้วย ด้วยเงื่อนไข
1.ทำประกันกับบริษัทเดิมต่อเนื่อง
2.ปีที่แล้วไม่มีการแจ้งเคลมว่า “เป็นฝ่ายผิด” หรือ “ไม่มีคู่กรณี (เคลมแห้ง)”
3.ขาดต่อประกันภัยรถยนต์ไม่เกิน 1 เดือน
ซึ่งหากผู้ขับขี่มีประวัติเสีย นอกจากอาจมีเบี้ยประกันที่สูงขึ้นตามข้อแรกแล้ว ก็ไม่ได้รับสิทธิ์ส่วนลดประวัติดีเพิ่มเติมอีกด้วย
% ส่วนลดที่ได้รับ |
ปีที่ |
20% |
ไม่มีเคลมในปีแรก |
30% |
ไม่มีเคลม 2 ปีติด |
40% |
ไม่มีเคลม 3 ปีติด |
50% |
ไม่มีเคลม 4 ปีติด |
3.อาจถูกยกเลิกกรมธรรม์
เมื่อเกิดการเคลมประกันขึ้นบ่อยครั้ง ทางบริษัทประกันภัยมีสิทธิ์แจ้งยกเลิกการต่อประกันภัยรถยนต์ในปีถัดไป และมีสิทธิ์ขอยกเลิกกรมธรรม์ก่อนหมดเวลาคุ้มครอง เนื่องจากพิจารณาว่าคุณมีการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย มีความประมาทจนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง
4.โดน Black List
หลายคนอาจคิดว่าเมื่อถูกยกเลิกกรมธรรม์แล้ว แค่เปลี่ยนบริษัทประกันภัยใหม่ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด การทำประกันภัยรถยนต์ จะมีการเก็บข้อมูล และประวัติการขับขี่ของเจ้าของรถ ผู้ทำประกันภัยรถยนต์ทุกคัน ข้อมูลเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นบริษัทประกันเจ้าไหนก็สามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าคุณจะทำการเปลี่ยนบริษัท แต่บริษัทใหม่ก็มีสิทธิ์พิจารณาไม่อนุมัติการทำประกันภัยรถยนต์จากประวัติเสียการขับขี่ที่ผ่านๆ เช่นกัน
ประกันภัยรถยนต์มีไว้เพื่ออุ่นใจ และช่วยคุ้มครองคุณในยามที่เกิดอุบัติเหตุ และมีปัญหาเกิดขึ้น เมื่อคุณเป็นผู้ขับขี่ที่ดี มีประวัติการขับขี่ที่ดี ก็ย่อมส่งผลดีต่อการต่อประกัน และการคุ้มครอง ตรงกันข้ามกับผู้ที่ขับขี่โดยประมาท ซึ่งอาจคิดว่ามีประกันภัยรถยนต์อยู่แล้ว หากเกิดอุบัติเหตุก็สามารถทำการเคลมประกันได้ ประกันภัยรถยนต์สามารถคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น อาจไม่ได้ส่งผลเสียที่เห็นในทันที แต่ย่อมมีผลเสียในอนาคตต่อการต่อประกันอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงควรขับขี่อย่างปลอดภัย ไม่ประมาท เคารพกฎจราจร เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณ และผู้ร่วมทาง