หน้าฝนเสี่ยงน้ำท่วม! ประกันรถยนต์ชั้น 1, 2+, 3+ รับเคลมให้ไหม?
น้ำท่วม ประกันคุ้มครองไหม
หน้าฝนปีนี้ฝนตกหนัก ตกชุก จนหลาย ๆ พื้นที่ต้องเจอกับเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลัน ยิ่งใครที่ต้องใช้เส้นทางที่อยู่ในพื้นที่ต่ำอาจเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมได้ง่าย ๆ ที่อาจส่งผลให้คุณต้องขับรถลุยน้ำท่วมสูง จนทำให้เครื่องยนต์เสียหายและดับกลางทาง ซึ่งผลกระทบเหล่านี้ นอกจากจะสร้างปัญหาให้กับการเดินทางแล้ว ยังต้องเจอกับค่าซ่อมแสนแพง หากใครที่กำลังสงสัยอยู่ว่า ประกันรถยนต์ แต่ละประเภทที่ได้ทำเอาไว้ จะสามารถเคลมความเสียหายที่เกิดจากเหตุน้ำท่วมได้มากน้อยแค่ไหน เรามีคำตอบมาให้แล้ว!
ขอบเขตความคุ้มครองในกรณีที่เกิดน้ำท่วม
- ประกันรถยนต์ชั้น 1 : เป็นกรมธรรม์ที่ครอบคลุมที่สุด เพราะจะคุ้มครองต่อทุกความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์และร่างกาย รวมไปถึง “ภัยพิบัติทางธรรมชาติ” ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมก็จัดอยู่ในความคุ้มครองเช่นกัน แต่ทั้งนี้ต้องดูถึงเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ประกันชั้น1 คุ้มครองอะไรบ้าง แนะนำให้อ่านบทความนี้ - ประกันรถยนต์ชั้น 2+: จัดเป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองเกือบเทียบเท่ากับประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่จ่ายเบี้ยประกันน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ประกันรถยนต์ชั้น 2+ อาจไม่มีการคุ้มครองภัยธรรมชาติในทุกกรมธรรม์ ดังนั้นอย่าลืมศึกษารายละเอียด หรือสอบถามให้แน่ใจก่อนการเลือกซื้อ
- อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ประกันชั้น2+ คุ้มครองอะไรบ้าง แนะนำแบบละเอียด
- ประกันรถยนต์ชั้น 3+ : เช่นเดียวกับประกันรถยนต์ชั้น 2+ ในด้านของรายละเอียดการคุ้มครองภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมเฉียบพลัน ซึ่งโดยปกติประกันเสริมชั้นนี้จะไม่ครอบคลุมความเสียหายในเรื่องนี้ แต่อาจมีบางแพ็กเกจที่มอบการคุ้มครองเสริมพิเศษ ดังนั้น การศึกษารายละเอียดของกรมธรรม์ก่อนเลือกซื้อ จะช่วยให้คุณได้แผนประกันราคาประหยัดที่ตรงใจมากที่สุด
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ประกันชั้น3+ คุ้มครองอะไรบ้าง สรุปมาให้แบบเข้าใจง่าย
เรียนรู้ความเสียหายจากน้ำท่วม มีแบบไหนบ้างที่ประกันรับจ่าย?
การสูญเสียโดยสิ้นเชิง (Total Loss)
เป็นลักษณะของความเสียหายที่รถยนต์ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยบริษัทประกันจะทำการพิจารณาและประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น ว่ารถยนต์คันนั้น ๆ มีความเสียหายที่คุ้มค่ากับการซ่อมให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมหรือไม่ โดยเงื่อนไขการเคลม จะทำการจ่ายมูลค่าความเสียหายหลังประเมินอยู่ที่ 70-80% ของราคารถยนต์หรือทุนประกัน
ตัวอย่าง:น้ำท่วมมิดคัน น้ำท่วมเกินคอนโซลหน้ารถ ประเมินแล้วว่าระดับน้ำสูงมากพอที่จะสร้างความเสียหายให้กับห้องโดยสารและเครื่องยนต์
ความเสียหายบางส่วน (Partial Loss)
เป็นลักษณะความเสียหายที่บริษัทประเมินแล้วว่า สามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานในสภาพปกติได้ โดยความเสียหายบางส่วนถือเป็นความรับผิดชอบของประกันที่จะซ่อมแซมรถยนต์คันที่ได้รับความเสียหาย และดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อให้รถยนต์สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ โดยครอบคลุมตั้งแต่เครื่องยนต์ ไปจนถึงการทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสาร
ตัวอย่าง:เครื่องยนต์ดับ เนื่องจากน้ำท่วมแต่มีระดับที่ไม่สูงมาก ประเมินแล้วว่าสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ก็จะได้รับการเคลมในส่วนนี้
กรณีศึกษา น้ำท่วมแบบนี้ประกันรับหรือไม่รับเคลม
ถึงแม้ในบางกรมธรรม์จะให้การคุ้มครองหากได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม แต่ถ้าความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุบางอย่างที่ไม่เข้ากับเงื่อนไขของกรมธรรม์ ประกันก็จะไม่อนุมัติการเคลมค่าเสียหายรวมถึงไม่รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
แล้วกรณีแบบไหนที่ประกันรถยนต์ชั้น 1, 2+ และ 3+ จะคุ้มครองหรือไม่คุ้มครองบ้าง? เราหาคำตอบมาให้แล้ว
- น้ำท่วมจากภัยธรรมชาติ
ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่จอดรถไว้เฉย ๆ หรืออยู่บนท้องถนนแต่ประสบกับภัยธรรมชาติ จนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ส่งผลให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถยนต์ได้ ทำให้น้ำเข้าจนเกิดความเสียหาย เครื่องยนต์ดับ หรืออาจท่วมจนมิดคัน สร้างความเสียหายทั้งหมด
กรณีนี้ประกันรับเคลม!โดยจะพิจารณาลักษณะของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ว่าเป็นรูปแบบไหน สามารถเข้าขั้นตอนการเคลม และดูแลค่าเสียหายตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ในลำดับถัดไป
- ขับลุยน้ำท่วมขังบนท้องถนน
ความเสียหายที่เกิดจากความตั้งใจของผู้ขับขี่ โดยนำรถยนต์ไปลุยน้ำขังบนท้องถนน จนเป็นสาเหตุทำให้น้ำเข้าห้องเครื่อง ส่งผลให้ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์เสียหาย เครื่องยนต์ดับ หรือตัดสินใจไปในเส้นทางที่มีระดับน้ำท่วมสูงมาก จนน้ำสามารถเข้ามาในห้องโดยสารทำให้เบาะรถ และวัสดุอื่น ๆ เกิดความเสียหาย ครอบคลุมไปถึงการขับรถยนต์ไปในเส้นทางที่มีการประกาศจากสื่อและภาครัฐแล้วว่า เป็นพื้นที่ที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม
กรณีนี้ประกันไม่รับเคลม!หรือจ่ายเพียงแค่บางส่วนในกรณีที่รถยนต์มีประกันประเภทที่ 1 คุ้มครองอยู่ อย่างไรก็ตามยังต้องขึ้นอยู่กับการประเมินของบริษัทประกันอีกครั้งด้วย
การเตรียมเอกสารและขั้นตอนการเคลมประกัน
การเตรียมเอกสารให้พร้อม คือสิ่งที่ไม่ว่าประกันชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2+ หรือ 3+ ต้องเตรียมให้ครบ หากต้องการเคลมประกันได้อย่างรวดเร็วที่สุด
เอกสารที่ต้องใช้
- เอกสารรถยนต์และกรมธรรม์ประกันภัย แนะนำให้ใช้เป็นฉบับสำรองและพกติดรถเอาไว้ เผื่อกรณีฉุกเฉิน
- เอกสารที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของรถ เช่น ใบขับขี่ สำเนาบัตรประชาชน เป็นต้น
- หลักฐานความเสียหายในขณะที่เกิดเหตุน้ำท่วม เพื่อใช้ประกอบการประเมินความเสียหายให้กับเจ้าหน้าที่ประกัน
ขั้นตอนการเคลมประกัน
- ตรวจสอบกรมธรรม์และข้อพิจารณาที่เกี่ยวข้อง หากเข้าข่ายที่สามารถเคลมได้ก็สามารถเริ่มขั้นตอนถัดไปได้ทันที
- ทำการติดต่อบริษัทประกันภัยโดยตรง
- รอเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันเข้ามาตรวจสอบ และบันทึกความเสียหาย
- เลือกอู่ หรือศูนย์ซ่อมรถ เพื่อทำการประเมินราคา
- รอขั้นตอนการอนุมัติสำหรับซ่อมรถยนต์
- นำรถยนต์ส่งซ่อมได้ทันที เมื่อผ่านการอนุมัติ
เตรียมความพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดได้ในช่วงมรสุม! แค่เปรียบเทียบและเลือกซื้อประกันรถยนต์ชั้นประหยัด 2+ และ 3+ กับ Silkspan พร้อมให้เราเป็นตัวแทนส่งต่อประกันที่ตรงใจ ตอบโจทย์ความคุ้มครองที่ครบ จบ ในราคาสุดคุ้ม สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมเช็กเบี้ยประกันตอนนี้ได้ที่ silkspan.com