
ทำสีเฉพาะจุดหรือทั้งชิ้น เลือกแบบไหนดี ? เคลมประกันได้หรือไม่

ไม่ว่าจะเสียค่าเบี้ยประกันมากแค่ไหน แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากจะเคลมประกันบ่อย ๆ อย่างแน่นอน เพราะนั่นเท่ากับว่ารถแสนรักของเราเกิดความเสียหายขึ้นมานั่นเอง บทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับเรื่องของการ “ทำสีรถยนต์” เวลารถยนต์ของเราเกิดความเสียหาย จนทำให้บริเวณสีของรถเกิดรอยถลอก ควรจะเลือกแบบไหนดีระหว่าง ทำสีเฉพาะจุด หรือ ทำสีทั้งชิ้น และไขข้อข้องใจถึงเรื่องของการทำสี ยังอยู่ในความคุ้มครองของประกันรถยนต์หรือไม่ สามารถเคลมได้หรือเปล่า ? มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันได้เลย !
เคลมประกันใช้กับการทำสีได้หรือไม่ ?
การเคลมประกันภัยรถยนต์ คือการใช้สิทธิ์ความคุ้มครอง เพื่อนำรถเข้าไปซ่อมแซมจากศูนย์บริการที่เลือกเอาไว้ แน่นอนว่าการ “ทำสีรถยนต์” ก็อยู่ในความคุ้มครองเช่นเดียวกัน แต่ ! การจะเคลมได้หรือไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกทำประกันภัยชั้นไหนเอาไว้นั่นเอง และ ยังขึ้นอยู่กับสาเหตุความเสียหายที่เกิดขึ้นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
- ประกันชั้น 1 อันนี้สบายใจได้เลย เพราะมีความคุ้มครองที่ครอบคลุม หากเกิดจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก แม้กระทั่งอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี ก็สามารถนำรถเข้ารับการเคลมได้ทั้งหมด
- ประกันชั้น 2+ และ ประกันชั้น 3+ ความคุ้มครองจะค่อนข้างคล้ายกับประกันชั้น 1 หากรถเกิดอุบัติเหตุ สามารถนำรถเข้ารับการเคลมสีได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็ตาม แต่จะต้องเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีเท่านั้น
- ประกันชั้น 2 และ ประกันชั้น 3 ประกันภัยรถยนต์ 2 ประเภทนี้ ไม่มีความคุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกัน แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วเป็นฝ่ายถูก ประกันภัยรถยนต์ของคู่กรณี จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายในการทำสีให้

ทำสีเฉพาะจุด กับ ทำสีทั้งชิ้น แตกต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน ?
ก็อย่างที่เรากล่าวไปเมื่อสักครู่ การจะเคลมประกันภัยเรื่องของการทำสีรถยนต์ มีประกันให้ความคุ้มครองอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราเลือกทำประกันชั้นไหนเท่านั้นเอง หรือต่อให้ไม่มีประกันภัยรถยนต์ แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายถูกในอุบัติเหตุครั้งนั้น ก็จะได้รับความคุ้มครองอยู่ดี จากบริษัทประกันภัยของคู่กรณี ที่สำคัญคือเราสามารถเลือกได้ว่า จะซ่อมแซมสีของตัวรถที่เสียหายแบบใด ? จากทั้งหมดที่เรากล่าวไปแล้ว ตัวเลือกหลัก ๆ มีอยู่ 2 แบบคือ “เฉพาะจุด” และ “ทั้งชิ้น” ไปดูกันเลยว่าการทำสีแต่ละแบบเป็นอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
-
ทำสีเฉพาะจุด
สำหรับการซ่อมแซมสีเฉพาะจุด เป็นรูปแบบการทำสี ที่จะซ่อมแซมในบริเวณที่เกิดรอยถลอกบนตัวรถเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงเท่านั้น ไม่เหมาะกับความเสียหายที่เกินกว่าแค่ “สีถลอก” โดยวิธีการก็จะเป็นการซ่อมแซมรอยถลอกที่มีบนตัวรถ จากนั้นก็จะทาสีใหม่ทับลงไป ให้ใกล้เคียงกับสีเดิมที่มีอยู่ให้มากที่สุด อาจมีการโป๊วบริเวณที่ถลอกบ้างในบางกรณี ผลงานที่ได้ก็จะขึ้นอยู่กับความชำนาญของอู่สีที่เลือกใช้บริการ แต่ต้องยอมรับว่าอาจจะไม่ได้กลับมา 100% สวยงามเหมือนสีเดิมจากโรงงาน
- ข้อดี : เป็นการซ่อมแซมรอยสีที่ใช้ระยะเวลารวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องถอดรื้อชิ้นส่วนที่มีรอยถลอกออกมา
- ข้อเสีย : ราคาย่อมเยา ใช้ได้เฉพาะความเสียหายขนาดเล็กบนรถยนต์เท่านั้น และอาจมองเห็นความแตกต่างของสีรถบริเวณที่ซ่อมแซมอยู่บ้าง
-
ทำสีทั้งชิ้น
ในส่วนของการทำสีทั้งชิ้น เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของการเคลมประกันรถยนต์ เมื่อเกิดความเสียหายค่อนข้างรุนแรงบริเวณสีของรถยนต์ โดยการซ่อมแซมจะเป็นการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหายเสียใหม่ หรือถ้ายังสามารถซ่อมแซมได้ก็จะเป็นการใช้ชิ้นส่วนเดิม แต่นำไปซ่อมจนกลับมามีรูปร่างปกติ จากนั้นก็จะนำเอาชิ้นส่วนไปทำความสะอาดสีเดิมออกทั้งหมด แล้วทำสีใหม่เข้าไปทดแทน งานสีที่ได้จะออกมาเนี้ยบมากกว่า มองด้วยตาเปล่าจะเหมือนกับชิ้นส่วนเดิมจากโรงงานเลยก็ว่าได้ เหมาะเฉพาะกับรถที่ยังใหม่ ๆ อยู่เท่านั้น
- ข้อดี : เป็นการซ่อมแซมที่ทำให้สีกลับมาสวยงาม ดูเรียบเนียนเสมอกันตลอดทั้งชิ้น เหมือนกับไม่เคยมีความเสียหายใด ๆ มาก่อน
- ข้อเสีย : ราคาแพงกว่า ใช้ระยะเวลานาน และในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานสักระยะแล้ว สีของรถยนต์ชิ้นส่วนอื่น ๆ อาจจะซีด จนทำให้เห็นความแตกต่างของชิ้นส่วนได้
ถ้าอยากเคลมสีรถได้อย่างเต็มที่ ควรเลือกประกันชั้นไหนตอบโจทย์ที่สุด ?
ถ้ากังวลว่าจะต้องซ่อมแซมสีรถบ่อย ๆ ควรจะต้องเลือกประกันภัยชั้นไหนดี ? คำตอบนั้นก็ไม่ยาก หากไม่รวมกรณีที่เราเป็นฝ่ายถูกในการขับขี่รถยนต์ แล้วประกันฝ่ายตรงข้ามต้องมาซ่อมสีรถให้กับเรา ก็จะแนะนำเป็น ประกันชั้น 2+ และ 3+ เพราะมีความคุ้มครองค่าซ่อมรถของผู้เอาประกัน ในส่วนของมือใหม่หัดขับ อาจจะกลัวว่าจะขับไปเฉี่ยวนู่น ชนนี่ จนรถเป็นรอยด้วยฝีมือของตนเอง แล้วต้อง เคลมสีรถแบบทั้งชิ้น หรือ เคลมสีรถเฉพาะจุด บ่อย ๆ เลือก ประกันชั้น 1 ตอบโจทย์ที่สุด
บทส่งท้าย
ที่จริงแล้วนะ ! การเคลมประกันภัยรถยนต์ในกรณีของการทำสี ยังมีอีกหนึ่งตัวเลือกอย่างการ “เคลมสีรอบคัน” สำหรับผู้ที่ถือประกันรถยนต์ชั้น 1 เอาไว้ แล้วต้องการเคลมแห้ง ก่อนที่ประกันภัยรถยนต์จะหมดความคุ้มครอง เป็นการเก็บร่องรอยต่าง ๆ รอบคันในคราวเดียว แต่อาจไม่ส่งผลดีต่อเบี้ยประกันในปีถัดไปสักเท่าไหร่นะ ขอเตือนเอาไว้ก่อน
สุดท้ายนี้ก็เช่นเดิม หากคุณสนใจประกันภัยรถยนต์ แต่ยังไม่รู้ว่าควรจะต้องเลือกอย่างไร มีความคุ้มครองแบบไหนบ้าง และจะต้องจ่ายค่าเบี้ยเท่าไหร่ ? ทุก ๆ ข้อสงสัย SILKSPAN พร้อมมอบคำตอบที่ดีที่สุดให้กับคุณ เพราะเราคือ “ตัวจริง” ด้านประกันภัยรถยนต์ หากสนใจอยากซื้อประกันภัยรถยนต์ กรอกข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านล่างบทความนี้ แล้วทีมงานของเราจะมอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับคุณ