
เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ระหว่าง รถใหม่ และ รถมือสอง มีอะไรแตกต่างกันบ้าง ?

เรื่องของประกันภัยรถยนต์ ยังเต็มไปด้วยหลายข้อสงสัยที่ยังหาคำตอบไม่ได้ และเช่นเคยวันนี้ SILKSPAN มาพร้อมกับเนื้อหาที่น่าสนใจ เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์กันอีกเช่นเคย ในข้อสงสัยที่ว่า เมื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์ ที่เป็น “รถใหม่” กับ “รถมือสอง” จะมีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ? หากคุณเองก็เป็นหนึ่งคนที่สงสัยในเรื่องนี้ มาตามหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน ในเนื้อหาดังต่อไปนี้
5 ข้อแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์ระหว่าง รถใหม่ และ รถมือสอง
จากการได้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ระหว่าง รถใหม่ กับ รถมือสอง ก็พบว่ามีความแตกต่างกันอยู่หลายจุดเหมือนกัน แต่อาจไม่ใช่ความแตกต่างที่มากมายอะไรขนาดนั้น เนื่องจากรถมือสองหลาย ๆ คัน ก็มีสภาพรถยนต์ที่ไม่ได้ต่างอะไรจากรถมือหนึ่งมากนัก ดังนั้นเราจะขออ้างอิงถึง “สภาพรถ” และ “มูลค่ารถ” เป็นปัจจัยหลัก ๆ ในการเปรียบเทียบ โดยความแตกต่างที่เราพบนั้นมีอยู่ 5 ส่วนหลัก ๆ จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย !
1. ทุนประกันที่ได้รับ
จากการได้เปรียบเทียบประกันภัยระหว่าง รถใหม่ กับ รถมือสอง จะพบว่า “ทุนประกัน” เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากทุนประกันส่วนมากแล้ว จะตั้งเอาไว้ที่ประมาณ 80% ของมูลค่ารถ ถ้าเป็นรถใหม่ป้ายแดงก็จะมีทุนประกันที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าเป็นรถมือสองที่ผ่านมาใช้งานมาแล้ว ก็จะมีการคิดค่าเสื่อมสภาพ ยิ่งเป็นรถปีเก่าก็จะมีมูลค่ารถที่ลดน้อยลงโดยเฉลี่ย 10% ในทุก ๆ ปี ยังไม่รวมกับการใช้งานที่เคยผ่านการชน การซ่อม ยิ่งมีประวัติมากเท่าไหร่ ทุนประกันก็จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ
2. เบี้ยประกันที่ต้องจ่าย
สอดคล้องกับข้อแรกในส่วนของทุนประกัน เพราะยิ่งทุนประกันน้อยลงไปเท่าไหร่ ก็จะทำให้ “เบี้ยประกัน” ที่จะต้องจ่ายน้อยลงเท่านั้น การซื้อประกันภัยรถยนต์ให้กับรถมือสอง จึงมีโอกาสสูงมาก ที่เบี้ยประกันจะน้อยกว่ารถใหม่ป้ายแดง แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป ! เพราะถึงอย่างไรก็ต้องคำนวณตามมูลค่าของตัวรถ หากเป็นรถยุโรปมือสอง หรือ มีอะไหล่แต่งราคาแพง ๆ ในบางครั้งก็อาจทำให้มีมูลค่าสูงกว่า เบี้ยประกันของรถใหม่ป้ายแดง ที่เป็นรถญี่ปุ่นโดยทั่วไปได้เช่นเดียวกัน
3. ความคุ้มครองของประกันชั้น 1
รถใหม่ป้ายแดงร้อยทั้งร้อยจะต้องทำประกันชั้น 1 กันอยู่แล้ว ตั้งแต่ถอยออกมาจากศูนย์ และผู้คนส่วนมากก็ชอบทำประกันชั้น 1 กับรถที่ยังใหม่อยู่ แม้จะผ่านการใช้งานมาแล้วสักระยะก็ตาม เนื่องจากได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประกันรถยนต์มือสอง ถ้าเป็นรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้วมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ก็มีโอกาสที่จะถูกบริษัทประกันปฏิเสธได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ “สภาพรถ” ถ้าเป็นรถที่ดูแลอย่างดี สภาพยังคงใหม่ ไม่เคยชนหนัก ไม่เคยเคลมสี ไม่เคยซ่อมตัวถัง ถึงจะใช้งานมาแล้วเกิน 10 ปี ก็อาจทำประกันชั้น 1 ได้เช่นเดิม

4. ชั้นของประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสม
ด้วย “มูลค่ารถ” และ “สภาพรถ” ที่แตกต่างกัน ทำให้การเลือกชั้นของประกันภัยรถยนต์ ระหว่าง รถใหม่ กับ รถมือสอง นั้นพิจารณาได้ค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร เนื่องจากรถใหม่ป้ายแดงแน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องเหมาะกับ ความคุ้มครองของประกันชั้น 1 เพราะนอกจากเรื่องอุบัติเหตุ ยังต้องนึกถึงเรื่องของการถูกขโมย และ อุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณีอีกด้วย ในส่วนของรถยนต์มือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ถ้าเป็นรถปีเก่า มูลค่าไม่สูงมาก อาจปรับลดความคุ้มครองลงมาเหลือ ชั้น 2+ , 3+ , 2 หรือ 3 แทนได้ตามความสมควร
5. ตัวเลือกของศูนย์ซ่อมสำหรับการเคลม
สุดท้ายคือการเลือก “ศูนย์ซ่อม” ในกรณีที่ต้องการจะเคลมประกัน เมื่อเป็นรถใหม่ป้ายแดง การเลือกศูนย์บริการที่ดีที่สุด ก็คงจะต้องเลือกไปที่การ “ซ่อมห้าง” ซึ่งจะเป็นการซ่อมโดยตรงกับศูนย์บริการของรถยี่ห้อนั้น ๆ อะไหล่จะเป็นของแท้ เบี้ยประกันก็จะมีราคาที่แพงกว่า สำหรับรถมือสองการทำประกันรถยนต์ เปรียบเทียบแล้วควรเลือก “ซ่อมอู่” ค่อนข้างจะเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากจะช่วยทำให้เบี้ยประกันลดลงมาพอสมควร แต่ถ้าใครยังอยากจะนำรถไปเคลมแบบซ่อมห้าง ก็ถือว่าเป็นเรื่องปัจเจกส่วนบุคคล ที่ไม่สามารถบังคับกันได้
ถ้าซื้อรถยนต์มือสองมาใช้ ควรเลือกทำประกันชั้นไหนเหมาะสมที่สุด ?
จากทั้ง 5 ข้อแตกต่างที่ได้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ระหว่าง รถใหม่ กับ รถมือสอง ไปก่อนหน้านี้ น่าจะพอทำให้คุณเห็นภาพแล้วว่า การทำประกันให้รถยนต์ ไม่สามารถวัดกันได้ แค่ด้วยเรื่องของ รถใหม่ และ รถมือสอง ควรมองไปที่ ความเหมาะสม และ ความต้องการส่วนบุคคล แบบนั้นจะสมเหตุสมผลมากกว่า ถ้ารถยนต์มือสองที่คุณซื้อมาสภาพยังเหมือนใหม่ ยังเป็นรถรุ่นที่ได้รับความนิยม การจะทำประกันชั้น 1 ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หรือ จะเลือกความคุ้มครองที่ลดทอนลงมาก็ได้เช่นกัน ขอแค่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ เท่านั้นก็เพียงพอ
บทส่งท้าย
การเปรียบเทียบประกันรถยนต์ ทำให้เราได้เห็นเรื่องน่าสนใจหลาย ๆ อย่าง และช่วยทำให้เข้าใจการทำงานของบริษัทประกันภัยรถยนต์ได้มากขึ้น สำหรับท่านใดที่อ่านบทความจบแล้ว ก็ยังตัดสินใจลำบากว่าจะเลือกทำประกันในรูปแบบใดดี ? SILKSPAN พร้อมช่วยให้คุณเจอคำตอบที่ดีที่สุดของทุก ๆ ข้อสงสัย เพียงกรอกข้อมูลไม่กี่อึดใจด้านล่างของบทความนี้ เราพร้อมจะมอบข้อเสนอสุดพิเศษ จากบริษัทประกันภัยรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทย และส่วนลดเบี้ยประกันสุดพิเศษกว่า 30% หากสนใจติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง