ประกันรถยนต์ให้ความคุ้มครองไหม ? กรณีเครื่องยนต์มีปัญหา เกียร์เสีย
ซื้อประกันรถยนต์มาทั้งที ก็อยากจะได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่ากันใช่ไหมล่ะ ? แต่ปัญหาที่เจอกับเป็นเรื่องชวนปวดหัวอย่าง “รถเสีย” เครื่องยนต์มีปัญหาเอย ระบบเกียร์เสียหายเอย ปัญหาเหล่านี้จะยังได้รับความคุ้มครอง จากบริษัทประกันภัยหรือไม่ บทความนี้ SILKSPAN จะมาไขข้อข้องใจในส่วนนี้ พร้อมด้วยพฤติกรรมที่เสี่ยงทำให้รถเสียก่อนเวลาอันควร และแนะนำประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองเมื่อรถเสีย เนื้อหาที่นำมาฝากในบทความนี้จะน่าสนใจแค่ไหน เชิญรับชมได้เลย !
ไขข้อสงสัย ! ถ้าเครื่องยนต์ของตัวรถมีปัญหา ประกันรถยนต์สามารถเคลมได้ไหม ?
มาเริ่มกันที่ข้อสงสัยหลักของบทความนี้ ประกันรถยนต์ยังให้ความคุ้มครองไหม ? ถ้ารถยนต์มีความเสียหายในส่วนของ เครื่องยนต์พัง เกียร์มีปัญหา รวมถึงส่วนอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจาก ความขัดข้อง หรือ เสื่อมสภาพ คำตอบสั้น ๆ ที่เราเตรียมมาให้ก็คือ “ไม่ให้ความคุ้มครอง” โดยประกันรถยนต์ทั่วไป จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเพียงเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมในกรณีต่าง ๆ ที่เรากล่าวไปเมื่อสักครู่
ทั้งนี้ก็มีกรณีศึกษาที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน ถ้าอุบัติเหตุเกิดขึ้น โดยมีสาเหตุจากชิ้นส่วนภายในตัวรถเสื่อมสภาพ กรณีนี้ประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครองหรือไม่ ? เช่น ในเคสที่ขับรถอยู่ดี ๆ แล้วเบรกแตก เครื่องยนต์มีปัญหา หรือ คันเร่งค้าง จนเกิดอุบัติเหตุ ถ้ามีการตรวจสอบแล้วว่า สาเหตุเกิดจาก “ความขัดข้อง” หรือ “ความเสื่อมสภาพ” ของตัวรถเอง ก็มีโอกาสที่จะไม่ได้รับความคุ้มครองได้ในบางกรณี เพราะฉะนั้นควรดูแลสภาพรถให้ดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นบนท้องถนน
เลี่ยง 5 พฤติกรรมดังต่อไปนี้ ! ถ้ายังไม่อยากให้ เครื่องยนต์ และ ระบบเกียร์ มีปัญหา
ในเมื่อประกันรถยนต์จะไม่ให้ความคุ้มครอง กรณีที่เครื่องยนต์มีการขัดข้อง เรียกกันบ้าน ๆ ก็คือ “รถเสีย” ดังนั้นเราจึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการขับขี่บางอย่าง เพราะอาจทำให้อะไหล่ของตัวรถเกิดปัญหาขัดข้องได้ ซึ่งเราได้รวบรวมพฤติกรรมที่หลาย ๆ คนชอบทำ และส่งผลเสียต่อตัวรถมาฝาก ไม่อยากให้รถพังง่าย ต้องปรับปรุงพฤติกรรมดังต่อไปนี้
1. พยายามที่จะเข้าเกียร์ N ในขณะที่รถยังเคลื่อนที่อยู่
ในกรณีที่เป็นรถแบบเกียร์ออโต้ หากต้องการจะเข้าเกียร์ว่าง หรือ เกียร์ N ควรจะต้องมั่นใจว่ารถนั้นได้หยุดสนิทแล้ว ถ้าฝืนเข้าเกียร์ว่างในขณะที่รถยังเคลื่อนที่อยู่ อาจทำให้ชิ้นส่วนในระบบเกียร์เกิดความเสียหายได้ การจะเข้าเกียร์ว่างที่ถูกต้อง ควรมั่นใจว่ารถหยุดนิ่งเรียบร้อยแล้ว ดึงเบรกมือจากนั้นค่อยเปลี่ยนไปที่เกียร์ N
2. ละเลยการเปลี่ยนถ่ายของเหลวในตัวรถ
ของเหลวในตัวรถหลาย ๆ อย่างมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเครื่อง , น้ำมันเบรก และ น้ำมันเกียร์ ทั้งหมดที่เรากล่าวไปควรจะต้องอยู่ในระดับที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรปล่อยปละละเลยจะแห้ง เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมก็ควรต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลวต่าง ๆ เสียใหม่
3. เข้าเกียร์แบบกระชาก เปลี่ยนเกียร์กะทันหัน
เราอาจจะเห็นว่าในภาพยนตร์ดังอย่าง Fast and Furious ตัวเอกขับรถกันได้เท่มาก ๆ จนหลายคนอาจอยากจะทำตาม ซึ่งที่จริงแล้วไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เพราะการเปลี่ยนเกียร์กะทันหัน เช่น จากเดินหน้าอยู่ดี ๆ ก็ใส่เกียร์ถอยหลังโดยรถยังไม่หยุดนิ่ง จะทำให้ระบบเกียร์เสื่อมสภาพไวมาก แน่นอนว่าประกันรถยนต์ไม่รับเคลมน้า
4. เมินไฟเตือนต่าง ๆ ที่แสดงบนหน้าปัดรถยนต์
เมื่อสังเกตแล้วว่าบนหน้าปัดรถยนต์มีไฟเตือนแสดงขึ้นมา ควรต้องรีบหาสาเหตุที่ไฟเตือนแสดงขึ้น อย่าฝืนใช้งานไปโดยมองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าไฟเตือนเป็นการแสดงสถานะแล้วว่า “มีสิ่งผิดปกติ” ถ้าละเลยไปเรื่อย ๆ จากปัญหาเล็ก ๆ อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ ที่แก้ไขลำบากในภายหลัง
5. ขับรถเหินลูกระนาดบ่อย ๆ
ลูกระนาด หรือ หลังเต่า เป็นสิ่งที่ใช้เพื่อให้รถยนต์ชะลอความเร็ว มักจะพบได้ในถนนย่านชุมชน หมู่บ้าน ซึ่งจะเป็นย่านอยู่อาศัย การขับรถผ่านลูกระนาดควรจะต้องชะลอความเร็ว ค่อย ๆ เหยียบผ่านไปอย่างนุ่มนวล การขับรถเหินลูกระนาดบ่อย ๆ จะทำให้ช่วงล่างรถมีปัญหา หรือ อาจเกิดความเสียหายจากการกระแทกได้
มีจริงเหรอ ? ประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองกรณีที่ “รถเสีย”
ถึงเราจะบอกว่า ประกันรถยนต์จะไม่ให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถเสีย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์ , เกียร์ , ช่วงล่าง หรือ ระบบเบรก ทว่าในตอนนี้มี “ประกันอะไหล่รถยนต์” ซึ่งเป็นตัวเลือกเสริม จากประกันภัยรถยนต์โดยทั่วไป ให้ความคุ้มครองอะไหล่รถยนต์ที่เลือกเอาไว้ ถ้าในกรณีที่รถเสียที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ก็จะได้รับความคุ้มครอง ส่งซ่อมได้เหมือนกับการเคลมประกันโดยทั่วไป แต่จะไม่คุ้มครองอะไหล่ที่มีการสึกหรอจากการใช้งาน เช่น ยางรถ , ลูกปืนล้อ หรือ โช๊คอัพ แน่นอนว่าจะต้องจ่ายเบี้ยประกันที่แพงกว่าเดิมอยู่พอสมควร
ถ้าเครื่องยนต์รถมีปัญหา จะส่งผลเสียต่อการต่อประกันรถยนต์หรือไม่ ?
หากจำเป็นต้องนำรถยนต์เข้าซ่อมแซม ในกรณีที่เครื่องยนต์มีปัญหา หรือ ระบบเกียร์เกิดความเสียหาย โดยไม่ได้เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ แน่นอนว่าประกันรถยนต์จะไม่ได้มอบความคุ้มครองให้ ตามที่เราได้กล่าวถึงไปช่วงต้นของบทความ และเมื่อต้องต่อประกันรถยนต์ก็ไม่ต้องกังวล เบี้ยประกันจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการซ่อมแซมที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขของการ “เคลมประกัน” แต่ในบางกรณีที่เครื่องยนต์เสียหายซ้ำซาก จากพฤติกรรมการขับขี่ การไม่ดูแลรักษารถ ไม่ตรวจสภาพตามวงรอบ บริษัทประกันก็อาจพิจารณาเพิ่มเบี้ยประกันขึ้นมาก็เป็นได้
บทส่งท้าย
การทำประกันรถยนต์ถึงจะมุ่งเน้นความคุ้มครองเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ไม่ได้ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ “รถเสีย” ถึงอย่างไรก็ยังสำคัญต่อการขับขี่บนท้องถนนอยู่ดี เพราะนอกจากจะให้ความคุ้มครองตัวรถของตนเอง ยังให้ความคุ้มครองความเสียหายของรถคู่กรณี , ทรัพย์สินที่เสียหาย และ ค่ารักษาพยาบาลของผู้บาดเจ็บทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ถ้าคุณยังไม่มี “ประกันภัยรถยนต์” ที่ถูกใจในเวลานี้ SILKSPAN พร้อมมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับคุณ เพียงกรอกรายละเอียดด้านล่างบทความนี้เท่านั้น รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังกับข้อเสนอที่เรามอบให้