ประกันรถยนต์ชั้น 1 เบี้ยเริ่มต้น 750 บาท/เดือน ที่ SILKSPAN

เช็กให้ชัวร์ รถถูกน้ำท่วมแบบไหน ที่แจ้งเคลมประกันภัยรถยนต์ได้


รถโดนน้ำท่วมแบบไหน เคลมประกันภัยรถยนต์ได้

น้ำท่วมรถเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว อีกทั้งยังเป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงของฤดูฝน และประสบกับปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน สำหรับผู้ที่เพิ่งซื้อรถยนต์เป็นคันแรกอาจจะสงสัยว่ากรณีแบบนี้ต้องเลือกทำประกันภัยรถยนต์แบบไหน ถึงจะเคลมประกันได้ เพื่อเพิ่มความสบายใจในการใช้รถมากขึ้น วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ ในเรื่องนี้มาบอกกัน

ประกันรถยนต์แบบไหนที่เคลมได้กรณีน้ำท่วม

ตามปกติของการทำประกันภัยรถยนต์นั้น จะมีความคุ้มครองกรณีที่รถโดนน้ำท่วมให้อยู่แล้ว โดยเฉพาะการทำประกันภัยชั้น 1, ประกันภัยชั้น 2+ (บางแพกเกจ) และประกันภัยชั้น 3+ (บางแพกเกจ) ซึ่งกรณีที่น้ำท่วมรถแล้วต้องการเคลมประกันนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนตามความเสียหาย ดังนี้

  1. เสียหายโดยสิ้นเชิง

กรณีนี้เป็นกรณีที่รถโดนน้ำท่วมจนมิดคัน ทำให้เกิดความเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมกลับมาให้รถอยู่ในสภาพเดิมได้ หรือเมื่อบริษัทประกันรถยนต์ประเมินค่าซ่อมแซมแล้วมีมูลค่ามากกว่า 70% ของทุนประกัน กรณีแบบนี้ทางบริษัทประกันจะเสนอคืนทุนประกันทดแทนให้เพื่อซื้อซากรถหรือรับโอนแทน โดยอยู่ที่ประมาณ 70%-80% ของทุนประกัน

  1. เสียหายบางส่วน

กรณีที่น้ำท่วมรถจนมีความเสียหายบางส่วน และเมื่อพิจารณาแล้วสามารถซ่อมแซมเพื่อกลับมาใช้งานในสภาพเดิมได้ กรณีนี้ทางบริษัทสามารถรับผิดชอบค่าซ่อมแซมรถยนต์ให้ทั้งหมดได้ หรือเลือกตกลงเป็นการชดใช้เป็นจำนวนเงินตามราคาซ่อมที่ประเมินได้

รถโดนน้ำท่วมแบบไหน เคลมประกันภัยรถยนต์ได้

น้ำท่วมรถกรณีไหนบ้างที่เคลมประกันรถยนต์ได้

กรณีที่เกิดภัยธรรมชาติน้ำท่วมรถแล้ว แบบไหนบ้างที่สามารถแจ้งแคมประกันภัยรถยนต์ได้ ซึ่งกรณีที่ประกันจะจ่ายให้นั้น คือเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติโดยที่รถยนต์ไม่สามารถขยับเคลื่อนย้ายหลบหนีน้ำได้ทัน เช่น จอดรถที่บ้านแล้วเกิดฝนตกหนักจนเกิดการสะสมของมวลน้ำ และมีน้ำหลากจนไม่สามารถเคลื่อนย้ายหนีได้ หรือกรณีที่เกิดรถติดแล้วมีน้ำหลากจนทำให้น้ำท่วมรถไม่สามารถหนีได้ทัน ทั้งกรณีบ่งบอกได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ กรณีแบบนี้บริษัทประกันจะจ่ายให้ทันทีโดยพิจารณาจากเงื่อนไขที่ระบุไว้ในประกัน

น้ำท่วมรถกรณีไหนบ้างที่ไม่สามารถเคลมประกันภัยรถยนต์ได้

นอกจากกรณีที่ประกันจ่ายให้แล้ว ยังมีกรณีที่ประกันจะพิจารณาไม่จ่ายให้เช่นเดียวกัน เพราะบริษัทประกันรถยนต์จะพิจารณาจากเหตุสุดวิสัยหรือไม่ เช่น กรณีที่ผู้ขับขี่ทราบอยู่แล้วว่าเส้นทางไหนบ้างมีน้ำท่วมขังสูง แต่ยังคงเลือกใช้เส้นทางนั้นจนเป็นเหตุให้รถยนต์โดนน้ำท่วมเสียหาย กรณีแบบนี้ถือเป็นเจตนาที่ผู้ขับขี่เต็มใจที่จะขับลุยน้ำท่วมทำให้รถเสียหาย ซึ่งกรณีประกันจะไม่จ่ายให้ หรืออีกกรณีคือเมื่อรถยนต์อยู่ในสภาพที่ถูกน้ำท่วมแล้ว เจ้าของรถเลือกที่จะลองสตาร์ทรถจนทำให้เครื่องยนต์เสียหาย กรณีนี้อาจถูกมองว่าเป็นการจงใจทำให้เกิดความเสียหาย และเป็นไปได้ที่จะไม่สามารถเคลมประกันได้

ต่ออายุ ปีถัดไป ได้ส่วนลดสูงสุดถึง 20%

เมื่อรถโดนน้ำท่วม วิธีเคลมประกันทำได้อย่างไร?

เมื่อน้ำท่วมรถโดยอยู่ในเงื่อนไขของเหตุสุดวิสัย เจ้าของรถไม่ควรฝืนสตาร์ทหรือหาทางเคลื่อนย้ายรถยนต์ในทันที เพราะอาจอยู่นอกเหนือเงื่อนไขการเคลมประกันรถยนต์ได้ โดยวิธีที่ควรทำเมื่อรถยนต์ถูกน้ำท่วมสามารถทำได้ ดังนี้

  • ถ่ายภาพรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ถ้าน้ำไม่ท่วมมิดคันให้ถ่ายเลขทะเบียนรถด้วย เพื่อใช้ยืนยันกับทางบริษัทประกัน
  • ติดต่อบริษัทประกันภัยรถยนต์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเลขกรมธรรม์สำหรับดำเนินการเคลมในขั้นต่อไป
  • เจ้าหน้านี้จะทำการแจ้งรถยก หรือรถลากเข้ามานำรถไปตรวจสอบความเสียหาย
  • ทางบริษัทประกันจะแจ้งค่าเสียหายในการซ่อมแซมและดำเนินการส่งซ่อม หรือหากซ่อมไม่ได้จะแจ้งค่าโอน หรือซื้อซากตามเงื่อนไขในกรมธรรม์

เลือกประกันภัยรถยนต์แบบไหนให้ตรงใจ

การทำประกันภัยรถยนต์คือหนึ่งในเรื่องที่จำเป็นที่หลายคนมองข้าม เพราะเรื่องของภัยธรรมชาติเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และมักจะมาแบบไม่ทันตั้งตัว การทำประกันรถยนต์เป็นสิ่งที่ช่วยให้เจ้าของรถมีความสบายใจมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดกรณีน้ำท่วมรถด้วยแล้วการมีประกันที่สามารถแจ้งเคลมได้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมากได้ โดยการเลือกทำประกันรถยนต์ให้สบายใจสามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกทำประกันรถยนต์จากตัวแทนที่ไว้วางใจได้
  • อ่านเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียดเพื่อให้ทราบว่ากรณีไหนที่แจ้งเคลมได้บ้าง
  • ตรวจสอบทุนประกันว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่
  • พิจารณาเรื่องค่าความเสียหายส่วนแรกว่ามีหรือไม่ และหากมีต้องเสียจำนวนเท่าไร
  • ศึกษาขั้นตอนของการแจ้งเคลมประกันในกรณีต่าง ๆ โดยละเอียด

สรุปการทำประกันภัยรถยนต์มีติดไว้อุ่นใจกว่า

กรณีที่เกิดน้ำท่วมรถนอกจากจะเกิดความเสียหายจนรถใช้การไม่ได้แล้ว ยังมีภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมจำนวนมากตามมาด้วย การจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์แม้ว่าหลายคนอาจมองว่าไม่จำเป็น แต่เมื่อพิจารณาถึงกรณีที่เกิดเหตุรถโดนน้ำท่วมแล้ว หากมีประกันติดเอาไว้จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับเจ้าของรถได้มากกว่า เพราะถึงแม้ว่าจะเสียหายจนซ่อมไม่ได้ ก็ยังเลือกรับจำนวนเงินชดเชยเป็นอีกทางเลือกแทนได้ รู้อย่างนี้แล้วใครที่ยังไม่ได้ทำประกันภัยรถยนต์คงถึงเวลาที่ต้องพิจารณาทำประกันให้กับรถคันโปรดกันบ้างแล้ว


เขียนโดย : SILKSPAN ADVISOR
เผยแพร่วันที่ : 23/09/2024
รับข้อเสนอพิเศษ

จองสิทธิ์! ซื้อประกันรถยนต์ล่วงหน้ากับ SILKSPAN รับสิทธิ์ประโยชน์

  1. ส่วนลดสูงสุด 30%
  2. แบ่งจ่ายได้สูงสุด 10 เดือน (บัตรเครดิต และเงินสด)
  3. บริการเสริมช่วยเหลือฉุกเฉิน และเบิกค่าเดินทาง
  4. บริการเปรียบเทียบเบี้ยประกันจากบริษัทประกันกว่า 20 แห่ง

กรอกรายละเอียดเพื่อรับข้อเสนอจากพนักงานของเรา

“เช็คเบี้ยประกันรถฟรี 24 ชม.”

กำลังโหลด