ขับรถชนสัตว์ ใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ประกันรถยนต์เคลมได้ไหม ?

อุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่เพียงรถยนต์เกิดการเฉี่ยวชนกันเท่านั้น บทความนี้เราจะมากล่าวถึงเคสของการขับรถชน น้องหมา น้องแมว จนทำให้รถเกิดความเสียหาย ในกรณีนี้ประกันรถจะให้ความคุ้มครองหรือไม่ ? และ ใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ? พร้อมด้วยกรณีอื่น ๆ ที่รถเกิดความเสียหายจากสัตว์ จะได้รับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์หรือไม่ ตามหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันได้ในบทความนี้

ประกันรถยนต์ให้ความคุ้มครองหรือไม่ ? ถ้าความเสียหายเกิดจาก “สัตว์”

ประกันรถยนต์ นั้นมีความคุ้มครองให้เลือกหลากหลายรูปแบบ นอกจากจะให้ความดูแลในกรณี “รถชนรถ” อย่างที่เราคุ้นเคยแล้ว ในกรณีอื่น ๆ ที่ทำให้รถเกิดความเสียหาย ก็มีประกันบางรูปแบบที่ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นในข้อสงสัยที่ว่า เมื่อขับรถชนสัตว์จนทำให้รถได้รับความเสียหาย ประกันภัยรถยนต์จะให้ความคุ้มครองหรือไม่ ? คำตอบมีทั้ง “ให้ความคุ้มครอง” และ “ไม่ให้ความคุ้มครอง” ขึ้นอยู่กับ บริบทของอุบัติเหตุ รวมถึง ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ที่เลือกทำเอาไว้

ตัวอย่างเคสความเสียหายจากสัตว์ พร้อมความคุ้มครองของประกันรถยนต์ในแต่ละกรณี

จากหัวข้อเมื่อสักครู่ อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกคลุมเครือ กับคำตอบที่ได้รับ เพราะเคสอุบัติเหตุขับรถชน น้องหมา น้องแมว ก็มีทั้งกรณีที่ ได้รับความคุ้มครอง และ ไม่ได้รับความคุ้มครอง ดังนั้นเราจะขอยก “เคสตัวอย่าง” กรณีไหนบ้างที่คุ้มครอง กรณีไหนไม่คุ้มครอง รวมถึงเคสอื่น ๆ ที่รถได้รับความเสียหายจากสัตว์ สามารถรับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ได้หรือไม่ ? เชิญรับชมกันได้เลย

• ขับรถชนสัตว์เลี้ยงที่หาเจ้าของสัตว์ได้

ในเคสแรกจะเป็นการ “ขับรถชนสัตว์เลี้ยง” ในที่นี้เหมารวมกับสัตว์เลี้ยงทุกประเภท ไม่ได้จำเพาะแค่ หมา แมว เท่านั้น จะเป็น วัว ควาย แกะ แพะ ไก่ หรือ เป็ด ก็ถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงทั้งหมด หากเป็นสาเหตุที่ทำให้อุบัติเหตุ บนท้องถนนสาธารณะ จนทำให้รถยนต์เสียหาย เช่น น้องหมาวิ่งลงมาบนถนน ตัดหน้ารถแบบกะทันหัน กรณีนี้ “เจ้าของสัตว์เลี้ยง” จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ในกรณีนี้เป็นการขับขี่ในพื้นที่ส่วนบุคคล เช่น ถอยรถเข้าบ้าน ซึ่งมีรั้วรอบขอบชิด แล้วไปเหยียบสุนัขที่เจ้าของพื้นที่เลี้ยงเอาไว้ ผู้ขับขี่ถือเป็นฝ่ายผิด

• ขับรถชนสัตว์ที่พิสูจน์ไม่ได้ว่ามีเจ้าของ

ปัญหาที่พบบ่อยที่สุด คือการขับรถชนหมาจรจัด ที่พิสูจน์ไม่ได้ว่ามีเจ้าของ หรือ อาจจะเป็นหมาที่ดูเหมือนมีเจ้าของ แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นเจ้าของ ในกรณีนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องชวนปวดหัว เพราะจะไม่มีผู้รับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้นอื่น ๆ ก็คงต้องทำใจเพราะต้องซ่อมด้วยตนเอง แต่ถ้าโชคดีที่เป็นรถทำประกันรถชั้น 1 ก็ยังอุ่นใจได้ เพราะสามารถเคลมในกรณี “อุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี” ได้ตามเงื่อนไขความคุ้มครอง

• โดนสัตว์มาสร้างความเสียหายให้กับตัวรถ

บางทีรถของเราจอดอยู่เฉย ๆ ก็อาจจะมีสัตว์เข้ามาสร้างความเสียหายกับตัวรถได้เช่นกัน ที่พบบ่อย ๆ ก็ แมวมาข่วนจนทำให้รถเป็นรอย , สุนัขมากัดมาแทะจนรถเสียหาย หรือเคสแปลก ๆ เช่น ขับรถไปเที่ยวภูเขา แล้วถูกลิงทำให้รถเสียหาย หรือ ถูกช้างชนจนตัวรถบุบ กรณีทั้งหมดที่กล่าวมา ก็คล้าย ๆ กับการขับรถชนหมาจรจัด ถ้าทำประกันรถชั้น 1 เอาไว้ก็จะสามารถเคลมได้ และเป็นประกันชั้นเดียวที่ให้ความคุ้มครองในกรณีนี้

• สัตว์ฟันแทะเข้ามากัดสายไฟในตัวรถจนเสียหาย

อาจไม่ค่อยมีคนพูดถึงเท่าไหร่ กรณีที่ “หนูกัดสายไฟ” รวมถึงสัตว์ฟันแทะชนิดอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน เนื่องด้วยอุปนิสัยของสัตว์เหล่านี้ มักจะซุกซนชอบกัดชอบแทะอะไรไปเรื่อย หากวันหนึ่งหวยมาออกที่สายไฟภายในรถของคุณ ก็อาจทำให้รถเกิดความเสียหาย ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดี ที่บริษัทประกันภัยมองว่านี่คือหนึ่งในเคสของ “อุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี” หากทำประกันรถชั้น 1 เอาไว้ก็สามารถนำรถเข้ารับการเคลมได้

• นกอุจจาระใส่จนทำให้สีรถเกิดรอยด่าง

อุจจาระนก หรือให้เราพูดกับบ้าน ๆ ก็คือ “ขี้นก” ปัญหาชวนปวดหัวของคนมีรถ เพราะนอกจากทำให้ความงดงามของตัวรถต้องมัวหมอง ขี้นกถ้าปล่อยเอาไว้นาน ๆ โดยไม่ได้ทำความสะอาดอย่างทันท่วงที มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้สีของตัวรถเกิดรอยด่างได้ เพราะขี้นกมีกรดยูริกสูงมาก หากปล่อยให้แห้งเกรอะกรังบนตัวรถ จะทำลายสารเคลือบของสีรถ จนทำให้เกิดรอยด่างนั่นเอง และไม่น่าเชื่อที่กรณีนี้ก็ยังเคลมได้ !! หากคุณทำประกันรถชั้น 1

ประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ช่วยไม่ได้ ถ้าคุณมี “เจตนาไม่ดี” ในขณะเกิดอุบัติเหตุ

จากเคสตัวอย่างที่เรากล่าวมา จะเห็นได้ว่า การทำประกันรถชั้น 1 เอาไว้ ช่วยดูแลกรณีรถเกิดความเสียหายจากสัตว์ได้ทุกกรณี แต่ !! นั่นจะต้องเป็นการพิสูจน์แล้วว่าเกิดจาก “อุบัติเหตุ” เท่านั้น หากเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วยความจงใจ เช่น การเจตนาขับรถรถชนสุนัข ทั้ง ๆ ที่มีตัวเลือกให้ เบรก หักหลบ โดยไม่ได้ฉุกเฉินจริง ๆ กรณีนี้คุณจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกัน เพราะมองว่าเป็นการเจตนาทำให้เกิดอุบัติเหตุ และอาจได้รับโทษตามกฎหมายว่าด้วยการทารุณกรรมสัตว์อีกด้วย

บทส่งท้าย

สุดท้ายแล้วไม่ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นด้วยสาเหตุอะไร การมีประกันรถติดรถเอาไว้ ก็อุ่นใจมากกว่า จากบทความนี้ทำให้เห็นแล้วว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้จากหลายต่อหลายสาเหตุ ไม่ใช่แค่ต้องระวังกับการเฉี่ยวชนกับรถคันอื่นเพียงเท่านั้น หากคุณยังไม่เจอประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะกับตนเอง หรือ ยังเลือกไม่ได้ว่าควรจะซื้อประกันภัยที่ไหนดี ให้ SILKSPAN ช่วยคัดสรรประกันภัยรถยนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ เพียงกรอกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านล่างบทความนี้เท่านั้น