เที่ยวปีใหม่ปลอดภัย ต่อประกันกับ SILKSPAN ลุ้นรับ voucher จาก BigC มูลค่า 100 บาท

ทำไมต่อประกันรถยนต์แล้วแพงขึ้นทุกปี? ลดค่าเบี้ยลงได้ไหม?


ต่อประกันรถยนต์แล้วทำไมถึงแพงขึ้นทุกปี มีวิธีลดเบี้ยหรือไม่

สำหรับคนที่เป็นเจ้าของรถยนต์คงจะทราบกันดีว่ามีรถก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในด้านการบำรุงรักษา ยิ่งถ้าเป็นรถใหม่ด้วยแล้วนอกจากค่าบำรุงรักษาแล้ว ค่าเบี้ยสำหรับต่อประกันรถยนต์ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายไว้ให้พร้อมในแต่ละปี แต่หลายคนพบว่า เมื่อต้องต่อประกันรถยนต์ กลับมียอดที่ต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ แล้วแบบนี้จะมีวิธีลดค่าต่อเบี้ยประกันรถยนต์หรือไม่? ในบทความนี้เรามีคำตอบมาก่อนกัน

ค่าเบี้ยต่อประกันรถยนต์ คืออะไร?

ก่อนที่จะไปทราบถึงสาเหตุที่ทำให้การต่อประกันรถยนต์มีค่าเบี้ยแพงขึ้น ลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเบี้ยประกันภัยรถยนต์กันก่อน เบี้ยประกันรถยนต์ คือ จำนวนเงินส่วนที่ผู้ทำประกันภัยรถยนต์ต้องชำระให้กับผู้รับประกัน ซึ่งในการต่อประกันรถยนต์ก็ต้องมีการชำระค่าเบี้ยประกันด้วยเหมือนกัน ทั้งนี้การจ่ายค่าเบี้ยก็เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายขึ้นตามเงื่อนไขและข้อตกลงที่ระบุในกรมธรรม์ ส่วนค่าใช้จ่ายในการต่อประกันรถยนต์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในหลายกรณี เช่น การเปลี่ยนบริษัทรับประกันภัย หรือเปลี่ยนแปลงระดับชั้นของประกันภัยรถยนต์ เป็นต้น

ต่อประกันรถยนต์แล้วทำไมถึงแพงขึ้นทุกปี มีวิธีลดเบี้ยหรือไม่

ต่อประกันรถยนต์แล้วแพงขึ้น เกิดจากอะไร?

แม้ว่าค่าเบี้ยประกันจะสูงขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้รถยนต์ทุกวัน หรือใช้ในการเดินทางไกลเป็นประจำ วิธีต่อประกันรถยนต์จึงเป็นอีกเรื่องที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจ และสบายใจให้กับผู้ขับขี่ได้มากที่สุด สำหรับปัจจัยที่ทำให้ค่าเบี้ยประกันแพงขึ้นนั้น มีดังนี้

1. อายุของผู้ขับขี่

ปัจจัยแรกคือเรื่องของอายุผู้ทำประกันรถยนต์ ยิ่งมีช่วงอายุน้อยยิ่งมีค่าเบี้ยประกันภัยรุยนต์สูง โดยเฉพาะในช่วงวัย 18-22 ปี ซึ่งเป็นวัยที่ยังต้องอาศัยประสบการณ์ในการขับขี่พอสมควร ทำให้บริษัทรับประกันภัยรถยนต์มองว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ความเสียหายจากการขับขี่ หรือฝ่าฝืนกฎจราจรได้ ทำให้การต่อประกันรถยนต์ของคนวัยนี้มีราคาสูงกว่า

2. ตกแต่ง ดัดแปลงรถยนต์

ใครที่เป็นสายแต่งซิ่งต้องยอมรับในเรื่องค่าใช้จ่ายของการต่อประกันรถยนต์ด้วย เพราะหากมีการตกแต่งเพิ่มเติม หรือเสริมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ เช่น เครื่องยนต์ภายในที่ทำรอบความเร็วได้สูงขึ้น ปรับเปลี่ยนดีไซน์ของรถให้มีความสปอร์ต หรือการตกแต่งภายในรถยนต์ ซึ่งหากการตกแต่งเหล่านั้นมีส่วนต่อความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ หรือโจรกรรมได้ โอกาสที่จะต้องคิดค่าเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นก็เป็นไปได้เช่นกัน

3. พฤติกรรมในการขับขี่

หากในช่วงปีที่ทำประกันรถยนต์ผู้ขับขี่มีการขับด้วยความเร็วในพื้นที่ที่จำกัดความเร็ว มีประวัติอุบัติเหตุจากการขับขี่ด้วยความประมาท ฝ่าฝืนกฎจราจร เมาแล้วขับ ปัจจัยเหล่านี้บริษัทประกันจะมองว่ามีพฤติกรรมการขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นในปีถัดไปที่ต้องต่อประกันรถยนต์จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีค่าเบี้ยที่แพงขึ้น

4. อาศัยในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง

ที่อยู่อาศัยของผู้เอาประกันภัยรถยนต์เองก็มีส่วนต่อการปรับเบี้ยในการต่อประกันรถยนต์ได้ เช่น ในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของประชากร มีพื้นที่สัญจรที่คับแคบ ใจกลางเมือง หรือเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุ การละเมิดกฎจราจร หรือมีความอัตราการเกิดปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้ง หากอยู่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้โอกาสที่จะมีการคิดอัตราค่าเบี้ยที่แพงขึ้นจากเดิมก็เป็นไปได้เช่นกัน

5. เครดิตในการชำระค่าเบี้ยไม่ดี

การต่อประกันรถยนต์นั้นมีเรื่องของการตรวจสอบเครดิตของผู้เอาประกันภัยก่อนด้วยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมานั้นผู้เอาประกันภัยรถยนต์มีการชำระค่างวดประกันภัยตามกำหนดหรือไม่ หากมีประวัติชำระไม่ตรงหรือมีเครดิตไม่ดีก็มีโอกาสที่ค่าเบี้ยจะเพิ่มขึ้นได้

เที่ยวปีใหม่ปลอดภัย ต่อประกันกับ SILKSPAN ลุ้นรับ voucher จาก BigC มูลค่า 100 บาท

วิธีลดค่าเบี้ยประกัน

เมื่อรู้แล้วว่าทำไมค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์แพงขึ้นได้บ้าง คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าจะมีวิธีไหนในการลดค่าเบี้ยประกันภัยได้บ้าง

1. เพิ่มค่าเสียหายส่วนแรก

วิธีแรก คือ การขอเพิ่มค่าเสียหายส่วนแรกในกรมธรรม์ เพราะเมื่อเราขอเพิ่มค่าความเสียหายสูงขึ้นในการต่อเบี้ยประกันรถยนต์ บริษัทประกันส่วนใหญ่ยินดีที่จะปรับลดค่าเบี้ยประกันภัยลง ยิ่งเพิ่มค่าความเสียหายส่วนแรกมาก ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ค่าเบี้ยจะต่ำลงมากด้วย แม้ว่าจะมีข้อดีในเรื่องของค่าเบี้ยที่ถูกลง แต่ผู้ขับขี่เองก็ต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้น จากที่จะเสียค่าเบี้ยได้คุ้มอาจกลายเป็นแพงกว่าเดิมได้

2. เปลี่ยนชั้นประกัน

การเปลี่ยนระดับความคุ้มครองสามารถเป็น วิธีต่อประกันรถยนต์แบบออนไลน์ หรือต่อกับบริษัทประกันโดยตรง และเป็นวิธีที่ทำให้เสียค่าเบี้ยถูกลงด้วย ตัวอย่าง เช่น เปลี่ยนเป็นการทำประกันชั้น 2+ ที่ความคุ้มครองลดลงเล็กน้อย แต่ค่าเบี้ยถูกกว่าประกันชั้น 1 หลายเท่า หรือปรับเป็น ประกันชั้น 3+ แทนการทำประกันชั้น 2+ หรือชั้น 2 ทั้งนี้สิ่งที่ต้องเพิ่มเติมเข้ามาก็คือความระมัดระวังในการขับขี่ เพราะเมื่อความคุ้มครองลดลง การขับขี่ก็ต้องเข้มงวดมากขึ้นด้วย

3. เปลี่ยนบริษัทประกันภัยรถยนต์

สำหรับวิธีนี้อาจต้องใช้เวลาในการหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อต่อประกันรถยนต์กับบริษัทผู้ให้ประกันภัยรถยนต์เจ้าใหม่ ซึ่งการเปลี่ยนบริษัทประกันนั้นจะช่วยให้ได้รับสิทธิพิเศษหรือโปรโมชันที่ช่วยลดค่าเบี้ยประกัน หรือมีราคาค่าเบี้ยประกันรถยนต์สำหรับลูกค้าใหม่ที่ลดลงได้ หากรู้สึกว่าค่าเบี้ยประกันที่ทำกับบริษัทเดิมเริ่มสูงขึ้นทุกปี และไม่สามารถจ่ายไหว การเปลี่ยนเจ้าใหม่ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้จ่ายค่าเบี้ยได้ถูกลง

การต่อประกันรถยนต์ คือ เรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลยเมื่อถึงเวลา เพราะถึงแม้ว่าจะไม่เคยเคลมเลย แต่มีความคุ้มครองจากประกันรถยนต์เอาไว้ย่อมอุ่นใจกว่า ทั้งนี้ถ้ารู้สึกว่าค่าเบี้ยเริ่มแพงขึ้นก็ไม่ต้องกังวลใจไป ให้ลองใช้วิธีที่เราแนะนำเพื่อให้ทางบริษัทประกันพิจารณาปรับลดได้เช่นเดียวกัน


เขียนโดย : SILKSPAN ADVISOR
เผยแพร่วันที่ : 23/12/2024
รับข้อเสนอพิเศษ
  1. ส่วนลดสูงสุด 30%
  2. แบ่งจ่ายได้สูงสุด 10 เดือน (บัตรเครดิต และเงินสด)
  3. บริการเสริมช่วยเหลือฉุกเฉิน และเบิกค่าเดินทาง
  4. บริการเปรียบเทียบเบี้ยประกันจากบริษัทประกันกว่า 20 แห่ง

กรอกรายละเอียดเพื่อรับข้อเสนอจากพนักงานของเรา

“เช็คเบี้ยประกันรถฟรี 24 ชม.”

กำลังโหลด