เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ควรเอาตัวรอดอย่างไร
อุบัติเหตุรถยนต์ เป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นกับรถยนต์ของตัวเอง เพราะนอกจากจะสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์แล้ว ยังเป็นการเสียเวลา และอาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ขับขี่รวมถึงผู้โดยสารอีกด้วย แน่นอนว่าเพื่อนร่วมท้องถนนที่ขับขี่ด้วยความประมาทเลินเล่อนั้น ก็นับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่อาจรุนแรงจนรถคว่ำได้
และเพื่อให้คุณสามารถเอาตัวรอดจากอุบัติเหตุรถคว่ำได้ ในบทความนี้ SILKSPAN จึงได้รวบรวมวิธีเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุรถคว่ำมาแนะนำให้ผู้ขับขี่ทุกคนได้ทราบกัน จะมีข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์ต่อตัวคุณและผู้โดยสารในรถบ้าง เราไปดูกัน
สาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำมาจากอะไร
อย่างที่บอกไปว่า อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ เราไปดูกันดีกว่าว่าสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำมาจากอะไรบ้าง ดังนี้
- เมาแล้วขับ
- ขับรถด้วยความเร็วสูง จนไม่สามารถควบคุมรถได้
- ทัศนวิสัยขณะขับขี่ไม่เอื้อต่อการมองเห็น
- ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่พร้อมต่อการขับขี่
- ขับรถฝ่าสัญญาณไฟจราจร
- แซงรถในที่ห้ามแซง หรือขับปาดรถคันอื่น
- ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ
- บรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนักเกินกำหนด
5 วิธีเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุรถคว่ำ
1.ตั้งสติ และเตรียมตัวเมื่อรถเริ่มเสียหลัก
สิ่งแรกที่เราควรมีไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็คือ สติ เพื่อให้เราสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี โดยแนะนำว่า ในระหว่างที่รถเริ่มเหวี่ยง ให้ปล่อยมือออกจากพวงมาลัยรถยนต์ เอาเท้าออกให้ห่างจากคันเร่งและเบรกของรถยนต์ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่มือและเท้าจะถูกกระแทกอย่างรุนแรง จากนั้นให้กอดอกให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วพิงตัวเองกับเบาะของรถยนต์ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ
2.ดับเครื่องยนต์ทันทีหลังรถคว่ำ
เมื่อแน่ใจว่ารถหยุดนิ่งสนิทแล้ว ให้รีบดับเครื่องยนต์ทันที เพราะหากสตาร์ทรถยนต์ทิ้งไว้ ก็อาจจะเกิดอันตรายจากเพลิงไหม้ หรือรถยนต์เกิดการระเบิดได้
3.อยู่นิ่งๆ เพื่อเช็กอาการบาดเจ็บ
เมื่อดับเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้ว และไม่มีเพลิงลุกไหม้ออกมาจากตัวรถ แนะนำว่าให้ตั้งสติให้ดี และอยู่นิ่ง ๆ เพื่อตรวจเช็กร่างกายทั้งของตัวเองและผู้โดยสารคนอื่น ๆ ที่อยู่ในรถยนต์ว่า ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถคว่ำหรือไม่
4.ออกจากรถถ้าทำได้
หากพบว่าไม่มีอาการบาดเจ็บ และพอที่จะขยับร่างกายได้ ให้พยายามหาทางออกจากรถโดยการทรงตัวให้ได้มากที่สุด จากนั้นค่อย ๆ ปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วหาทางออกโดยการคลานออกจากหน้าต่างรถยนต์ที่อยู่ใกล้กับคุณที่สุด ในกรณีที่กระจกรถยนต์แตก ควรจะคลานออกมาด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น แต่ในกรณีที่กระจกไม่แตก แนะนำว่าให้หาวัสดุที่แข็งแรงมาทุบกระจกให้แตก ขณะที่คลานออกมาก็อย่าลืมสังเกตบริเวณโดยรอบ รวมถึงรถที่วิ่งอยู่บนถนน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
5.เอาตัวเองไปอยู่ในที่ปลอดภัย ก่อนขอความช่วยเหลือ
เมื่อพาตัวเองออกมาจากรถได้แล้ว พยายามอยู่ให้ห่างจากตัวรถที่คว่ำอยู่ และเอาตัวเองไปอยู่ในที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันอันตรายจากรถยนต์ระเบิด หรือเกิดเพลิงไหม้ จากนั้นให้โทรขอความช่วยเหลือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบริษัทประกันที่ทำอยู่ หากไม่ได้รับบาดเจ็บ และประเมินแล้วว่าสถานที่เกิดเหตุไม่มีอันตราย ให้พยายามถ่ายรูปเหตุการณ์ให้ครบทุกมุม
อุปกรณ์ที่ควรมีติดรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถยนต์
สำหรับอุปกรณ์ที่เราจะนำมาแนะนำต่อไปนี้ เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้คุณสามารถเอาตัวรอดจากรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุได้ โดยอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ควรมีติดรถไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มีดังนี้
- กรวยวางถนน หรือสัญญาณสะท้อนแสง เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นในตอนกลางคืน กรวยวางถนน และสัญญาณสะท้อนแสง จะเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้
- ตัวทุบกระจก เป็นอุปกรณ์จำเป็นเมื่อรถคว่ำ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถทุกกระจกและนำตัวเองออกมาจากรถได้อย่างทันท่วงที
- ที่ตัดสายรัดเข็มขัดนิรภัยฉุกเฉิน เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ บริเวณตัวล็อกสายรัดเข็มขัดนิรภัยอาจเกิดการชำรุดได้ ดังนั้น ที่ตัดสายรัดจึงเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้คุณสามารถนำตัวเองออกมาจากรถได้อย่างปลอดภัย
- กล้องติดรถยนต์ เป็นอุปกรณ์ที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ และนำมาใช้เป็นหลักฐานในการเคลมประกัน รวมถึงการแจ้งความเอาผิดกับคู่กรณีได้
- ไฟฉาย อีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนในตอนกลางคืนได้
- เอกสารสำคัญของรถ ไม่ว่าจะเป็น กรมธรรม์ประกันภัย คู่มือรถ เล่มทะเบียน และใบขับขี่ ซึ่งเอกสารเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการแจ้งความและเคลมประกัน
การเคลมประกันรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ
สำหรับคำถามสำคัญที่ผู้ประสบเหตุรถคว่ำหลาย ๆ คนอยากจะทราบมากที่สุดก็คือ การเคลมประกันรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ โดยการเคลมประกันที่สามารถใช้ได้ทั้งเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำและกรณีอื่น ๆ จะสามารถแบ่งออกได้ 2 กรณี ดังนี้
1. การเคลมแบบสด
เป็นการเคลมรถในที่เกิดเหตุ โดยมีพนักงานของบริษัทประกันที่ทำไว้ มาตรวจสอบ ณ ที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ หรือรถยนต์ได้รับความเสียหายหนัก ก็มักจะใช้การเคลมประเภทนี้ โดยสามารถแบ่งย่อยออกได้อีก 2 ประเภท ได้แก่
- การเคลมสดแบบมีคู่กรณี
คือ กรณีที่รถชน หรือรถคว่ำจากการชนรถด้วยกันเอง โดยพนักงานจากบริษัทประกัน จะพิจารณาว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดจากการสอบถามจากตัวผู้ขับขี่และคู่กรณี รวมถึงการตรวจสอบจากหลักฐานในกล้องติดรถยนต์ ซึ่งฝ่ายที่ผิดอาจต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ให้กับคู่กรณีก่อน ตามที่ตกลงไว้กับบริษัทประกัน
- การเคลมสดแบบไม่มีคู่กรณี
คือ กรณีที่รถของผู้เอาประกัน ชนเข้ากับสิ่งของจนรถคว่ำและเกิดความเสียหาย ซึ่งในกรณีนี้ ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) ก่อนเสมอ แม้ว่าจะมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ตาม โดยค่าเสียหายส่วนแรกจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทต่อครั้ง และมักจะไม่เกิน 8,000 บาทต่อครั้งขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี
2. การเคลมแบบแห้ง
เป็นการเคลมหลังจากเกิดเหตุการณ์ไประยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่เกิน 2-3 วัน มักจะเกิดจากอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเล็กน้อย หรืออุบัติเหตุที่ไม่ได้รุนแรงมาก โดยผู้เอาประกัน จะต้องสามารถระบุรายละเอียดของอุบัติเหตุให้กับบริษัทประกันได้ ทั้งสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ วันที่ สถานที่ และคู่กรณี แต่การเคลมแบบแห้งนี้จะสามารถเคลมได้เพียงประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น
อุบัติเหตุรถคว่ำกรณีใดบ้างที่ประกันจะไม่คุ้มครอง
แม้ว่าประกันรถยนต์ที่เราทำ จะมีหน้าที่คุ้มครองค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ หรืออุบัติเหตุอื่น ๆ แต่หากผู้เอาประกันทำผิดเงื่อนไข บริษัทประกันก็มีสิทธิ์ที่จะไม่คุ้มครองด้วยเช่นกัน โดยกรณีที่ประกันจะไม่คุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ มีดังนี้
- ใช้รถยนต์ในทางผิดกฎหมาย เช่น ขนส่งยาเสพติด ปล้นทรัพย์สิน
- การใช้รถยนต์ผิดประเภท นำรถยนต์ไปแต่งซิ่ง หรือนำรถไปใช้งานแบบลากจูง
- เมาแล้วขับ หรือกรณีที่ผู้ขับขี่มีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือดเกินกว่า 150 มิลลิกรัม
- นำรถไปใช้นอกอาณาเขตคุ้มครอง หรือขับขี่รถออกไปนอกประเทศ
- อุบัติเหตุจากสงคราม
อุบัติเหตุรถคว่ำ และอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะนอกจากจะสร้างความเสียหายต่อรถยนต์ และเป็นการเสียเวลาโดยใช่เหตุแล้ว ยังอาจนำมาซึ่งการสูญเสียชีวิตได้อีกด้วย ดังนั้น จึงควรระมัดระวังและไม่ประมาททุกครั้งเมื่อต่อขับขี่รถยนต์
แต่อย่างที่เราได้กล่าวไปว่า แม้เราจะระมัดระวังแค่ไหน อุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การทำประกันรถยนต์เอาไว้ก็ถือว่าเป็นหลักประกันสำคัญที่จะช่วยยืนยันให้แก่ผู้ขับขี่ได้ว่า จะได้รับการชดเชยและเยียวยาเมื่อเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอน สำหรับใครที่ต้องการเปรียบเทียบประกันรถยนต์เพื่อเลือกประกันรถยนต์ราคาดี ๆ ก็สามารถเข้าไปเช็กที่ SILKSPAN ได้เลย