การเวนคืนกรมธรรม์คืออะไร ต้องรอนานไหม ถึงจะได้เงิน
การทำประกันไม่ว่าจะเป็น ประกันภัยรถยนต์ หรือ ประกันชีวิต มีสิ่งหนึ่งที่คล้าย ๆ กันคือ “การเวนคืนกรมธรรม์” เชื่อว่านี่คือคำที่หลาย ๆ คนคุ้นหูกันเป็นอย่างดี แต่ส่วนมากมักจะไม่เข้าใจว่า ที่จริงแล้วการเวนคืนกรมธรรม์คืออะไร ? บทความนี้ SILKSPAN จะนำเรื่องราวของการเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ มาฝากผู้อ่านทุกคน จะต้องดำเนินการอย่างไร ใช้เอกสารอะไรบ้าง ต้องรอนานไหมกว่าจะได้เงินคืน รวมถึงเรื่องน่าสนใจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย !
การเวนคืนกรมธรรม์คืออะไร ?
การเวนคืนกรมธรรม์ เปรียบเสมือนการ “ยกเลิกกรมธรรม์” เพื่อยกเลิกความคุ้มครองต่าง ๆ ที่ได้รับจากบริษัทประกันภัยรถยนต์ ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอาประกัน สาเหตุที่ทำให้เกิดการเวนคืนกรมธรรม์ ก็เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิเช่น ไม่พอใจในบริการเกี่ยวกับการเคลมประกันรถ , บริการที่ไม่ตอบโจทย์ , ไม่อยากมีพันธะกับตัวรถ หรือ อาจได้เจอกับประกันภัยรถยนต์ที่ตอบสนองความต้องการได้มากกว่า แน่นอนว่าผู้เอาประกันจะได้รับเบี้ยประกันคืนในจำนวนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่ทำเอาไว้
ขั้นตอนการเวนคืนกรมธรรม์ และ เอกสารที่ต้องใช้
เมื่อได้รู้กันไปแล้ว ว่าการเวนคืนกรมธรรม์คืออะไร ถัดมาเราก็จะขอเล่าในส่วนของขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งการเวนคืนกรมธรรม์ในปัจจุบันนั้นง่ายมาก ๆ เพียงติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัยรถยนต์ หรือ ในกรณีที่ติดต่อผ่านตัวแทนก็สามารถติดต่อกับตัวแทนได้เลย แจ้งความประสงค์ที่จะ “ยกเลิกกรมธรรม์” พร้อมด้วยรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสาเหตุที่อยากจะยกเลิกกรมธรรม์ จากนั้นเตรียมเอกสารต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้เอาประกัน
- เล่มกรมธรรม์ตัวจริงที่ได้รับจากบริษัทประกันภัยรถยนต์
- สำเนาหน้าสมุดบัญชีที่ต้องการให้โอนเงินเวนคืนเข้า
- แบบฟอร์มการเวนคืนกรมธรรม์ พร้อมลงลายมือชื่อให้เรียบร้อย
หลังจากเวนคืนกรมธรรม์จะได้เงินคืนเต็มจำนวนไหม ใช้เวลาเท่าไหร่ ?
การเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ จะได้รับเงินคืนในส่วนของเบี้ยประกันบางส่วน ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาความคุ้มครองที่ใช้ไป ถ้าเป็นการเวนคืนในช่วงที่ยังไม่มีการออกกรมธรรม์มาให้ ก็จะได้รับเงินคืนในจำนวนที่สูง แต่ถ้าความคุ้มครองได้ดำเนินการไปแล้ว ระยะเวลาความคุ้มครองก็จะถูกนำมาพิจารณา กับส่วนของเบี้ยประกันที่จะได้คืน ยิ่งจำนวนวันคุ้มครองมากเท่าไหร่ เบี้ยประกันที่จะได้คืนก็จะน้อยลงเท่านั้น หลังจากยื่นเรื่องส่งเอกสารยกเลิกกรมธรรม์เรียบร้อยแล้ว จะใช้ระยะเวลาคืนเงินประมาณ 7 ถึง 14 วันทำการ
** ทั้งจำนวนเงินที่เวนคืน และ ระยะเวลาการดำเนินการ ก็จะแตกต่างกันออกไป ตามเงื่อนไขของบริษัทประกันภัยแต่ละแห่ง **
การเวนคืนกรมธรรม์มี “ข้อดี” และ “ข้อเสีย” อย่างไร
เนื่องจากการเวนคืนกรมธรรม์ เบี้ยประกันที่ได้กลับคืนมาจะไม่เต็มจำนวน นั้นจึงทำให้หลาย ๆ คนเกิดความลังเลว่าควรจะเวนคืนดีไหม ? หรือรอให้ประกันหมดไปเลยจะดีกว่าหรือไม่ ? ที่จริงแล้วในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคล เราไม่สามารถบอกได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน แต่เราก็สามารถยกตัวอย่างในส่วนของ “ข้อดี” และ “ข้อเสีย” ของการเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ว่าควรจะตัดสินใจไปในทิศทางไหนดี
ข้อดี
- ได้รับเงินก้อนจากจำนวนเบี้ยประกันที่หลงเหลืออยู่ แม้จะไม่ได้เงินคืนเต็มจำนวนก็ตาม จึงเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาทางการเงิน และ สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
- ได้เปลี่ยนไปใช้บริการของบริษัทประกันภัยรถยนต์ ที่ให้ความคุ้มครองดีกว่าเดิม สำหรับผู้ที่ไม่พอใจกับบริการของบริษัทเดิม และ อยากได้กรมธรรม์ใหม่ที่คุ้มครองได้มากกว่า
- สามารถปรับเปลี่ยนกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด อาทิเช่น ยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เพราะเล็งเห็นแล้วว่าจ่ายเบี้ยประกันไม่ไหว ลดลงมาเหลือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ หรือ ประกันภัยรถยนต์ 3+ เป็นต้น
- เป็นการตัดพันธะของเจ้าของกับตัวรถ ในกรณีที่ต้องการขายรถ และอายุของประกันภัยรถยนต์ยังหลงเหลืออยู่ การยกเลิกกรมธรรม์ก็จะเป็นการตัดขาดพันธะอย่างสมบูรณ์
ข้อเสีย
- ถึงขั้นตอนในปัจจุบันจะไม่ยุ่งยากเท่ากับเมื่อก่อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าจะมีการสอบถามรายละเอียด รวมถึงขั้นตอนอีกหลาย ๆ ที่จะต้องเตรียมการยุ่งยากพอสมควร
- จากการคำนวณเบี้ยประกันในประเทศไทย ทำให้เห็นว่า เพียงไม่ถึง 10 วันแรกของความคุ้มครอง มูลค่าของเบี้ยประกัน ที่สามารถเวนคืนได้ก็จะลดลงเหลือประมาณ 72% เท่านั้น ในบางครั้งสามารถคิดได้ว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย”
- จะมีช่วงเวลาหนึ่งรถจะไม่มีความคุ้มครอง จนกว่าจะทำประกันภัยรถยนต์กับบริษัทใหม่ หากโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุในช่วงเวลานั้น คุณจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายต่าง ๆ ด้วยตนเองทั้งหมด
- การยกเลิกกรมธรรม์จากบริษัทประกันภัยรถยนต์เดิม ไปใช้บริการของบริษัทประกันภัยรถยนต์ใหม่ ไม่สามารถการันตีได้ว่าคุณจะเจอกับความคุ้มครอง หรือ บริการที่ดีกว่าเดิม
เรื่องควรรู้ ก่อนที่จะตัดสินใจเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
ตามที่เรานำเสนอไปในข้างต้น ว่าการเวนคืนกรมธรรม์มีทั้ง ข้อดี และ ข้อเสีย เพราะฉะนั้นในการเวนคืนกรมธรรม์ควรจะต้องไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน ถ้าจะให้ดีที่สุดการยกเลิกกรมธรรม์ ควรจะต้องเริ่มทำตั้งแต่ความคุ้มครองยังไม่เริ่ม เพื่อป้องกันส่วนต่างที่คุณจะต้องเสียไปในช่วงต้นของความคุ้มครอง ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะพอสมควรเลยทีเดียว และในกรณีที่ความคุ้มครองเหลือน้อยกว่า 60 วัน การเวนคืนกรมธรรม์ก็อาจไม่คุ้มค่า เพราะคุณจะได้รับเบี้ยประกันคืนเต็มที่ประมาณ 10% เท่านั้น
บทส่งท้าย
หากไม่อยากให้ต้นเหตุของการเวนคืนกรมธรรม์ เกิดจากการซื้อประกันภัยรถยนต์ที่ ไม่ตอบโจทย์ ไม่ตรงใจ ดูแลไม่ดี จ่ายเบี้ยประกันไม่ไหว การตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์จึงเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุด เพราะนี่คือการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุที่แท้จริง ควรจะต้องมีการเปรียบเทียบเบี้ยประกัน ความคุ้มครอง ของกรมธรรม์จากหลาย ๆ บริษัท ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ แน่นอนว่าในส่วนนี้ SILKSPAN ช่วยคุณได้ เพราะเราสามารถเปรียบเทียบเบี้ยประกัน และ ความคุ้มครอง จากบริษัทประกันภัยชั้นนำให้กับคุณ มั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้รับประกันภัยที่ตรงความต้องการมากที่สุด รวมไปถึงสิทธิพิเศษดี ๆ อีกมากมาย