อาการหม้อน้ำรั่วในรถยนต์ อันตรายไหม จะขับต่อได้หรือเปล่า
สำหรับปัญหาหม้อน้ำรั่ว เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ไม่ได้มีโอกาสเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย โดยเฉพาะกับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานจึงต้องหมั่นตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางนั้นอาจส่งผลทำให้เครื่องยนต์ดับระหว่างทางได้เลย และที่หนักไปกว่านั้นอาจทำให้เครื่องยนต์ความร้อนสูงจนเกิดควันและกลายเป็นเพลิงลุกไหม้รถยนต์ของคุณได้ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาเหล่านี้ ในวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าปัญหาหม้อน้ำรั่วอาการเป็นอย่างไร หม้อน้ำรั่วขับต่อได้ไหม และมีวิธีเช็กอย่างไรได้บ้าง
หม้อน้ำรถยนต์ ทำหน้าที่อะไร
หม้อน้ำรถยนต์ เป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบหล่อเย็นที่มีหน้าที่ดึงความร้อนภายในเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ออกมา ซึ่งอาศัยการไหลเวียนจากของเหลวไหลวนเป็นระบบปิด โดยลักษณะของหม้อน้ำมีรูปทรงสี่เหลี่ยมพร้อมกับแผงระบายความร้อน ภายในเป็นท่อโลหะขดวนไปมา เพื่อให้ลมจากพัดลมหน้าหม้อน้ำและกระแสลมขณะรถเคลื่อนที่เป็นตัวช่วยในการระบายความร้อน
หม้อน้ำรั่วในรถยนต์ เกิดจากอะไร
สำหรับปัญหาหม้อน้ำรั่วโดยส่วนใหญ่แล้วเกิดขึ้นจากการกัดกร่อนภายใน และข้อต่อต่าง ๆ หลังจากการถูกใช้งานเป็นเวลานาน อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหานี้ก็คือการเติมน้ำในหม้อน้ำในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือการปล่อยให้น้ำในหม้อน้ำอยู่ในระดับที่ต่ำจึงเกิดความร้อนสูงได้ รวมทั้งเทอร์โมตัสที่เสื่อมสภาพและการถูกวัตถุอื่น ๆ มากระแทกก็อาจส่งผลทำให้เกิดปัญหาหม้อน้ำรั่วได้
4 วิธีเช็กอาการหม้อน้ำรั่ว
หลังจากที่ได้รู้กันไปแล้วว่าหม้อน้ำคอยทำหน้าที่อะไรให้กับรถยนต์ รวมถึงปัญหาหม้อน้ำรั่วเกิดขึ้นได้อย่างไร ต่อมาเราจะพาทุกคนไปดูกันว่าวิธีเช็กอาการหม้อน้ำรั่วง่าย ๆ ด้วยตัวเองควรทำอย่างไรบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นกับตัวเอง
1. สังเกตคราบน้ำบริเวณหม้อน้ำ
สำหรับวิธีการเช็กอาการหม้อน้ำรั่วข้อแรกคือการหมั่นสังเกตคราบน้ำบริเวณหม้อน้ำ โดยมองว่ามีคราบตะกรันหรือคราบน้ำไหลออกมาจากหม้อน้ำในส่วนไหนหรือเปล่า หากเป็นน้ำยาหล่อเย็นก็จะมีลักษณะของสีที่สะท้อนแสงช่วยให้คุณสามารถมองหาจุดที่หม้อน้ำรั่วได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
2. สังเกตใต้ท้องรถในตำแหน่งหม้อน้ำ
วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและไม่ต้องใช้เทคนิคหรือความเชี่ยวชาญอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่หมั่นสังเกตใต้ท้องรถของตนเองในตำแหน่งของหม้อน้ำว่ามีน้ำหยดลงมาหรือไม่ หากไม่พบน้ำหยดลงมาใต้ท้องรถบริเวณของตำแหน่งหม้อน้ำก็แสดงว่าหม้อน้ำรถยนต์ของคุณยังปกติดี แต่ถ้าเมื่อไหร่พบว่ามีน้ำหยดลงมาต้องรีบนำรถเข้าไปให้ผู้เชี่ยวชาญดูทันที
3. ลองเติมน้ำหล่อเย็นให้เต็ม
วิธีการเช็กหม้อน้ำวิธีต่อมาคือการเติมน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำให้เต็ม รวมถึงการเติมในกระปุกหม้อพักน้ำให้อยู่ในระดับ MAX หลังจากนั้นให้จอดรถทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วตอนเช้าเปิดมาดูอีกทีว่าระดับน้ำยังอยู่ในปริมาณเท่าเดิมหรือว่าลดลง
4. เช็กส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหม้อน้ำ
สำหรับวิธีการเช็กหม้อน้ำข้อสุดท้ายคือการเช็กในจุดต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของหม้อน้ำ เพราะในบางครั้งน้ำอาจจะไม่ได้รั่วที่หม้อน้ำเสมอไป น้ำอาจจะไปรั่วในจุดอื่น ๆ เช่น ฝาหม้อน้ำ ท่อยาง หางปลาหม้อน้ำขันไม่แน่น เป็นต้น
หม้อน้ำรั่วขอเคลมกับประกันรถยนต์ได้ไหม
สำหรับปัญหาหม้อน้ำรั่วที่ทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าปัญหานี้สามารถขอเคลมกับประกันรถยนต์ได้หรือไม่ ซึ่งปัญหาหม้อน้ำรั่วสามารถเคลมประกันรถยนต์ได้ แต่จะต้องเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุเท่านั้น เช่น การขับรถบนท้องถนนแล้วมีก้อนหินหรือกิ่งไม้กระเด็นมาโดนหม้อน้ำจนเกิดความเสียหาย พร้อมกับแจ้งเคลมประกันและนำรถเข้าซ่อมทันที หากเป็นนี้ประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครอง แต่ถ้าหากฝืนขับต่อไปจนทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนสูงและเกิดความเสียหาย ในกรณีนี้จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันภัย เพราะเจ้าของรถไม่ได้มีการดูแลหรือจัดซ่อมตามที่จำเป็น ก่อนนำรถไปใช้จนได้รับความเสียหายที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันหากหม้อน้ำรั่วจนเครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย แต่สาเหตุไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุหรือขาดการดูแลก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองเช่นกัน
สรุปปัญหาหม้อน้ำรั่ว
สุดท้ายนี้ จะเห็นได้ว่าปัญหาหม้อน้ำรั่วนั้นไม่ได้มีโอกาสเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ได้เป็นอย่างมาก การหมั่นตรวจเช็กหม้อน้ำอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณมองเห็นถึงความผิดปกติได้ และการทำประกันรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยคุ้มครองรถของคุณในกรณีที่หม้อน้ำรั่วจากอุบัติเหตุได้