ทำไมบางคนไม่ทำประกันภัยรถยนต์ ไม่ทำแล้วเสียประโยชน์อะไรบ้าง?
การมีรถยนต์ไว้ใช้งานถือเป็นความสะดวกสบายอย่างหนึ่ง แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าการทำประกันภัยรถยนต์จะช่วยลดความเสี่ยงและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ แต่รู้ไหมว่ายังมีอีกหลายคนที่เลือกไม่ทำประกันภัยรถยนต์ แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจแบบนั้น? การไม่ทำประกันภัยรถยนต์จะส่งผลเสียอย่างไรบ้าง? SILKSPAN มีคำตอบมาฝาก
5 เหตุผลยอดฮิตที่ทำให้คนเลือกไม่ทำประกันภัยรถยนต์
หลายคนอาจคิดว่าการซื้อประกันรถยนต์เป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น แต่ความจริงแล้วการไม่ทำประกันภัยรถยนต์อาจทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แล้วมีเหตุผลอะไรอีกบ้างที่ทำให้หลายคนตัดสินใจไม่ทำประกันภัยรถยนต์ ตามไปดูกันเลย
1. ขับรถเก่ง มั่นใจว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุแน่นอน
ข้อแรกที่พบได้บ่อยเลยก็คือความมั่นใจในฝีมือการขับขี่ มีเจ้าของรถหลายคนเลยที่คิดว่าตนเองขับรถเก่งมาก ขอเพียงแค่ขับรถอย่างระมัดระวัง ก็จะไม่พลาดไปขับรถชนคนอื่น หรือเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนแน่นอน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้ว่าคุณจะขับขี่อย่างระมัดระวังมากแค่ไหนก็ตาม เพราะบนท้องถนนยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ อีกมากมาย ที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ถนนเป็นหลุม สภาพอากาศแปรปรวน หรือพฤติกรรมการขับขี่ของคนอื่น เป็นต้น
2. คิดว่ามีแค่ พ.ร.บ. รถยนต์ ก็เพียงพอแล้ว
มีหลายคนที่คิดว่า แค่ทำ พ.ร.บ. รถยนต์ ที่เป็นประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับก็เพียงพอแล้ว แต่ไม่ใช่ความจริงเลย เพราะ พ.ร.บ. รถยนต์ จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอกเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมความเสียหายของตัวรถ ทรัพย์สินคู่กรณี หรือค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซึ่งคุณจะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นในส่วนนี้เอง และมักมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก อาจเริ่มต้นที่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนเลย
3. ไม่ค่อยได้ใช้งานรถยนต์เท่าไหร่
บางคนคิดว่าตนเองไม่ค่อยได้ใช้รถ จึงไม่จำเป็นต้องซื้อประกันรถยนต์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะขับรถบ่อยแค่ไหน และการจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายได้เช่นกัน ทั้งการถูกขโมยรถ รถเสียหายจากน้ำท่วม ไฟไหม้ หรือมีคนมาเฉี่ยวชนแล้วหนี การทำประกันภัยรถยนต์ไว้ยังไงก็อุ่นใจกว่า
4. รถยนต์มีอายุการใช้งานเกินสิบปีแล้ว
หลายคนเข้าใจผิดว่ารถเก่าที่มีอายุเกิน 10 ปี ไม่สามารถซื้อประกันรถยนต์ได้ แต่ความจริงแล้ว รถที่มีอายุเกิน 10 ปี ก็ยังสามารถทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แบบซ่อมอู่ในบางบริษัทประกันได้อยู่ หรือถ้าทำไม่ได้ ก็สามารถเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ แทนได้ ซึ่งก็ให้ความคุ้มครองความเสียหายของรถยนต์เช่นกัน แต่จะคุ้มครองเฉพาะการชนแบบมีคู่กรณีเท่านั้นนะ
5. มีข้อจำกัดเรื่องทุนทรัพย์
การมีข้อจำกัดเรื่องทุนทรัพย์จนทำให้ไม่สามารถต่อประกันรถยนต์ได้ทุกปี เป็นอีกหนึ่งเหตุผลยอดฮิตที่พบได้บ่อยไม่แพ้กัน เนื่องจากประกันรถยนต์ชั้น 1 มีค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ต่อให้คุณมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ เราก็ไม่แนะนำให้ปล่อยประกันภัยรถยนต์ขาดอยู่ดี ถ้าคิดว่าจ่ายไม่ไหวจริง ๆ ก็อาจเปลี่ยนไปทำประกันภัยชั้นรองลงมาแทนอย่างประกันรถยนต์ชั้น 3+ เพื่อให้ยังได้รับความคุ้มครองที่จำเป็นอยู่ โดยสามารถเลือกซื้อประกันรถยนต์กับ SILKSPAN ได้เลย มีโปรผ่อนสูงสุด 10 เดือน ช่วยให้การทำประกันรถยนต์เป็นเรื่องที่สะดวกสบายมากขึ้น
ไม่ทำประกันภัยรถยนต์จะเสียผลประโยชน์อะไรบ้าง
การไม่ทำประกันภัยรถยนต์อาจทำให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะสั้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คุณอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าค่าเบี้ยประกันหลายเท่า ซึ่งเราจะพาไปดูเองว่า ถ้าไม่ทำประกันภัยรถยนต์แล้วจะเสียผลประโยชน์อะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย!
1. เมื่อขับรถชนคนอื่น จะต้องจ่ายค่าเสียหายเอง
หากคุณเป็นฝ่ายผิดและไม่มีประกันรถยนต์ คุณจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดด้วยตัวเอง ทั้งค่าซ่อมรถคู่กรณี ค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยอื่น ๆ ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึงหลักแสนหรือหลักล้านบาท ในขณะที่ถ้ามีประกันภัยรถยนต์ บริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเหล่านี้แทนคุณเอง
2. ถ้ามีคนมาขับรถชนแล้วเขาไม่มีประกัน ก็ต้องจ่ายเองเช่นกัน
แม้ว่าคุณจะเป็นฝ่ายถูก แต่ถ้าคู่กรณีไม่มีประกันรถยนต์และไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายได้ คุณก็จะต้องรับภาระค่าซ่อมรถเอง ซึ่งอาจใช้เวลานานในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย แต่ถ้าคุณมีประกันภัยรถยนต์ บริษัทประกันจะดำเนินการซ่อมรถให้คุณก่อน แล้วค่อยไปไล่เบี้ยเอากับคู่กรณีภายหลัง ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในระหว่างที่ดำเนินการฟ้องร้องเลย
3. ไม่มีคนช่วยเจรจาเมื่อต้องขึ้นศาลและต้องจ่ายค่าประกันตัวเอง
เมื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนต้องขึ้นโรงพัก หรือศาล การไม่มีประกันภัยรถยนต์จะทำให้คุณต้องจัดการทุกอย่างเอง ทั้งการเจรจากับคู่กรณี การหาทนายความ และการจ่ายค่าประกันตัว ซึ่งอาจทำให้คุณเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่ถ้ามีประกันรถยนต์ บริษัทประกันจะมีทีมงานคอยช่วยเหลือและจัดการเรื่องเหล่านี้ให้
4. ถ้าเจอน้ำท่วม หรือรถไฟไหม้ ก็ไม่มีใครช่วยเหลือ
ภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วม หรือไฟไหม้ เป็นสิ่งที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็มักหลบหนีได้ยาก และสามารถสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ได้อย่างรุนแรง หากไม่มีประกันรถยนต์ คุณจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม หรือซื้อรถคันใหม่เองทั้งหมด ซึ่งนับเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และอาจจ่ายไม่ไหวได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้ บริษัทประกันจะชดเชยค่าเสียหายให้ตามทุนประกันที่กำหนดไว้ ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายลง ทำให้คุณออกรถคันใหม่ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
5. ขาดคนดูแลบนท้องถนนในสถานการณ์ฉุกเฉิน
เมื่อรถเสียกลางทาง หรือเกิดอุบัติเหตุในเวลากลางคืน การไม่มีประกันภัยรถยนต์จะทำให้คุณต้องจัดการทุกอย่างเอง ทั้งการหาช่างซ่อม การเรียกรถยก หรือการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากลำบากในบางสถานการณ์ เช่น ขับรถไปต่างจังหวัด หรือสถานที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน แต่ถ้ามีประกันภัยรถยนต์ จะมีทีมงานคอยให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะต้องมานั่งแก้ปัญหาคนเดียว
ทำประกันภัยรถยนต์กับ SILKSPAN อุ่นใจในทุกการเดินทาง
จะเห็นได้ว่าการไม่ซื้อประกันรถยนต์อาจทำให้คุณต้องเสียผลประโยชน์มากมาย และต้องแบกรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งมากกว่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่จ่ายไปแน่นอน การทำประกันภัยรถยนต์จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างอุ่นใจ และมีหลักประกันที่มั่นคงเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
พิเศษ! สำหรับใครที่ยังไม่ได้ทำประกันภัยรถยนต์ หรือกำลังมองหาที่ต่อประกันภัยรถยนต์อยู่ สามารถจองสิทธิ์ซื้อประกันรถยนต์ล่วงหน้ากับ SILKSPAN ได้แล้ววันนี้ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้มากมายจากหลายบริษัทประกันภัยชั้นนำ พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลดสุดคุ้มสูงสุด 30% ผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต หรือเงินสด ได้สูงสุด 10 เดือน พร้อมบริการเสริมช่วยเหลือฉุกเฉินและเบิกค่าเดินทาง หากสนใจ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ด้านล่างนี้เลย!