ประวัติเครดิตบูโรไม่ดี แก้ได้หรือไม่?
หากเราขาดวินัยในการใช้บัตรเครดิต และทำให้เกิดการสร้างหนี้ขึ้น ทางธนาคารจะรายงานข้อมูลด้านสินเชื่อไปยังเครดิตบูโรเพื่อทำการเก็บข้อมูล และการเกิดประวัติไม่ดีก็อาจมีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อในครั้งถัดไปของธนาคารหรือผู้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการสมัครบัตรเครดิต การขอกู้ซื้อรถ หรือการขอกู้ซื้อบ้าน
ประวัติเครดิตบูโรเกิดจากอะไร ?
เครดิตบูโร เกิดการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อต่างๆ ที่ทางธนาคารจะส่งข้อมูลไปยังบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Credit Bureau) เพื่อทำการเก็บประวัติต่างๆ และข้อมูลด้านสินเชื่อเพื่อเป็นข้อมูลกลางไว้สำหรับที่ทางธนาคารหรือสถาบันทางการเงินต่างๆ สามารถใช้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาการให้สินเชื่อแก่ลูกค้า
ประวัติเครดิตบูโร จะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับนิสัยการใช้เงินและการชำระหนี้ของตัวเรา หากถ้าเราขอสินเชื่อ และสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ก็ถือว่ามีประวัติที่ดีและถ้าต้องการขอสินเชื่อเพิ่มเติมในอนาคตก็ย่อมทำได้ง่าย แต่หากเราเคยมีประวัติค้างชำระ หรือเกิดการค้างชำระเกิน 90 วัน หรือ 3 เดือน จะทำให้โดนขึ้นสถานะหนี้เสียซึ่งก็อาจจะทำให้มีปัญหาและอาจไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อที่ขอไปใหม่
ตัวเลขสถานะ บอกอะไรได้บ้าง
สถานะของเครดิตบูโร ไม่ได้มีแค่ระบุว่า เป็นประวัติที่ดี หรือไม่ดี แต่มีสถานะเพื่อแจ้งตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย
เครดิตบูโรไม่ดี ส่งผลอย่างไร?
การมีเครดิตบูโรที่มีสถานะไม่ดี เช่น ขึ้นสถานะหนี้เสีย จะส่งผลต่อเราเมื่อต้องการขอสินเชื่อใหม่ โดยทางผู้ให้บริการสินเชื่อจะทำการตรวจสอบสถานะเครดิตบูโรของเราก่อนการอนุมัติ ซึ่งถ้าสถานะดีก็จะมีโอกาสในการอนุมัติได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าสถานะไม่ดี ก็อาจจะมีผลต่อการขอสินเชื่อ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากจะต้องขอสินเชื่อ ลองสอบถามและปรึกษากับทางธนาคารหรือสถาบันทางการเงินก่อนเพื่อความมั่นใจได้
หากมีประวัติเครดิตบูโรไม่ดี จะแก้ไขอย่างไร ?
ประวัติที่ทางเครดิตบูโรจัดเก็บ จะทำการเก็บตั้งแต่ปัจจุบันและย้อนหลังไปทั้งหมด 36 งวด หรือ ประมาณ 3 ปี ถ้าหากเกิดประวัติที่ไม่ดี เช่น การค้างชำระหนี้บัตรเครดิตเกิน 90 วัน ซึ่งไม่สามารถทำการขอพักชำระหนี้ได้ทัน สิ่งที่ควรทำคือ ทำการชำระหนี้ที่ค้างอยู่ในครบ หรือ ขอคำปรึกษาจากผู้ให้บริการเพื่อหาทางออก เช่น การปรับโครงสร้างหนี้เพื่อจะทำการเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตเป็นสินเชื่อระยะยาว เพื่อทำการชำระในขั้นตอนต่อไป
หลังจากที่เราจัดการหนี้ค้างชำระได้แล้ว ก็ควรสร้างประวัติและสถานะบัญชีให้ดีโดยการไม่ขาดส่งชำระในแต่ละเดือน นั่นก็จะช่วยให้ไม่เกิดประวัติการขึ้นสถานะไม่ดีในอนาคต และอาจช่วยในการพิจารณาในการขอสินเชื่อใหม่ในครั้งถัดไป
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเราจะมีสินเชื่อแบบไหน ทั้งบัตรเครดิต ทั้งสินเชื่อกู้รถและบ้าน ก็อย่าลืมชำระให้ตรงตามรอบ เพื่อไม่ให้เกิดการค้างชำระหนี้และเกิดดอกเบี้ยจำนวนมหาศาล ถ้าหากพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถชำระได้ตามที่วางแผนไว้ ควรรีบติดต่อทางธนาคารหรือสถาบันทางการเงินนั้นๆ เพื่อขอคำปรึกษาหาวิธีแก้ไขได้ทันที ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตัวเราเองและไม่ทำให้เกิดประวัติไม่ดีในข้อมูลของเครดิตบูโรอีกด้วย
*การใช้งานบัตรเครดิตควร “ใช้เท่าที่จําเป็นและชําระคืนได้เต็มจํานวนตามกําหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี”
เงื่อนไขและการพิจารณาอนุมัติเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด