ไขมันพอกตับ ผอมเป็นได้ อายุน้อยก็เป็นได้
หลายคนมักคิดว่าโรคบางโรคจะเป็นกันเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ในปัจจุบันโรคที่พบในผู้สูงอายุส่วนใหญ่ กลับพบในกลุ่มอายุที่เด็กลงมาด้วย หนึ่งในนั้นคือโรคไขมันพอกตับ
โรคไขมันพอกตับมักเกิดในช่วงอายุ 40-50 ปีขึ้นไป เนื่องจากอัตราการเผาผลาญอาหารเริ่มลดลง ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำพลังงานไปใช้ได้หมด จึงเกิดเป็นไขมันสะสมตามอวัยวะต่างๆ รวมถึงที่ตับด้วย โดยจะอยู่ในรูปไขมันไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นไขมันที่มาจากอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน แต่ในปัจจุบันพบว่าจำนวนเด็กที่มีความเสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับนั้นสูงถึง 22.5 – 44%
กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อโรคไขมันพอกตับ มีดังนี้
- กลุ่มคนที่รับประทานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- กลุ่มคนอ้วนลงพุง ร่วมกับโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมีไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง แปลว่าคนผอมที่มีไขมันสูงก็มีความเสี่ยงด้วย โดยพบว่า 1 ใน 4 ของคนอ้วนซ่อนรูปมีภาวะไขมันสะสมในตับเช่นกัน
ระยะ และอาการของโรคไขมันพอกตับ แบ่งเป็น 4 ระยะคือ
- ระยะไขมันสะสมในเนื้อตับ
- ระยะที่เริ่มมีการอักเสบของตับ ทำให้การทำงานของตับผิดปกติ ผู้ที่เป็นมานานจะมีอาการจุกแน่นบริเวณชายโครงด้านขวา อ่อนเพลีย ท้องโต แต่ 60% ของผู้ป่วยมักไม่แสดงอาการ จึงต้องอาศัยการตรวจเลือด เพื่อดูปริมาณเกล็ดเลือด และค่าตับ
- ระยะอักเสบรุนแรง ซึ่งทำให้เกิดพังผืดในตับ
- ระยะเกิดพังผืดในตับจำนวนมาก ทำให้ตับแข็ง และอาจกลายเป็นโรคมะเร็งตับได้ในที่สุด
แล้วมีวิธีป้องกันอย่างไร
- ลดน้ำหนัก
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ควบคุมอาหาร ลดการรับประทานแป้ง อาหารหวาน อาหารมัน เช่น นม เนย ของหวาน อาหารทะเล ไข่แดง
- รับประทานอาหารที่มีไขมันดี เช่น เนื้อปลา น้ำมันมะกอก อะโวคาโด
- รับประทานผัก ผลไม้สด ถั่ว และธัญพืช ผักบางชนิดยังสามารถช่วยเร่งกระบวนการขับพิษออกจากตับได้ เช่น ผักตระกูลบล๊อคโคลี กะหล่ำ กระเทียม และหัวหอม
- หลีกเลี่ยงการทานยา หรืออาหารเสริมนอกเหนือจากที่แพทย์สั่ง
- งดดื่มแอลกอฮอล์
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
ปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถรักษาผังพืดในตับได้ ดังนั้นถ้าหากตัวคุณเองพยายามทำตามวิธีป้องกันตามที่กล่าวมาข้างต้นได้ก็จะดีที่สุด
เขียนโดย : SILKSPAN ADVISOR
เผยแพร่วันที่ : 10/04/2020