วัคซีนตัวไหนป้องกันโควิดได้ดีที่สุด ?
ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่า-19 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทยยังเป็นที่น่าเป็นห่วงด้วยจำนวนตัวเลขของผู้ที่ติดเชื้อที่มีจำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ และมีอัตราการเสียชีวิตที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง สิ่งหนึ่งที่จะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและบรรเทาให้อาการหลังได้รับเชื้อไม่รุนแรงเกินไปนั่นคือการรับวัคซีน
เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ที่น่าสนใจ (VOI) และที่น่ากังวล (VOC) คืออะไร?
ในปัจจุบันองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้มีการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่กำลังมีการระบาดหนักในระดับสากลและอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง
เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ที่น่าสนใจ (Variance of Interest หรือ VOI) เป็นเชื้อที่เพิ่งมีการพบใหม่ และมีการจับตาเพื่อป้องกันการยกระดับความรุนแรงที่อาจจะกลายเป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวล (VOC) ได้ในภายหลัง เช่น
- สายพันธุ์สหรัฐอเมริกา (B.1.427/B1.429) หรือ เอปไซลอน (Epsilon)
- สายพันธุ์บราซิล (B.1.1.28.2 / P.2) หรือ ซีตา (Zeta)
- สายพันธุ์ที่พบในหลายประเทศ (B.1.525) หรือ เอตา (Eta)
- สายพันธุ์ฟิลิปปินส์ (B.1.1.28.3 / P.3) หรือ ทีตา/เทตา (Theta)
- สายพันธุ์สหรัฐอเมริกา (B.1.526) หรือ ไอโอตา (Iota)
- สายพันธุ์อินเดีย (B.1.617.1) หรือ แคปปา (Kappa)
- สายพันธุ์เปรู (C.37) หรือ แลมป์ดา (Lambda)
- สายพันธุ์ฝรั่งเศส (B.1.616)
- สายพันธุ์เบงกอล (B.1.618 / D614G)
เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variance of Concern หรือ VOC) คือ เชื้อที่มียกระดับและมีแนวโน้มที่มีความรุนแรงสูงขึ้น และลดประสิทธิภาพการทำงานของวัคซีนมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ คือ
- สายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7) หรือ อัลฟา (Alpha)
- สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351) หรือ เบตา (Beta)
- สายพันธุ์บราซิล (B.1.1.28.1 / P.1) หรือ แกมมา (Gamma)
- สายพันธุ์อินเดีย (B.1.617.2) หรือ เดลตา (Delta)
เชื้อโควิดกลายพันธุ์ในไทยมีกี่สายพันธุ์?
จากรายงานกรมสุขภาพจิต เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ได้รายงานว่าขณะนี้ประเทศไทยได้มีการระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างแพร่หลาย โดยรวบรวมข้อมูลและศึกษาวิจัยรหัสพันธุกรรมและส่งข้อมูลเข้า GISAID เริ่มตั้งแต่ ธันวาคม 2562 จนถึง มิถุนายน 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,521 ตัวอย่างจากทั่วประเทศ วิเคราะห์ออกมาได้เป็น 39 สายพันธุ์ ซึ่งมีทั้งสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดกันในหลายประเทศ และสายพันธุ์ย่อยที่เกิดขึ้นและสลายไปอย่างรวดเร็ว
โดยภาพรวม ณ ปัจจุบันพบว่า มีการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์หลักๆ ทั้งหมด 3 สายพันธุ์
เชื้อสายพันธุ์เดลตา (Delta) (B.1.617.2) หรือ สายพันธุ์อินเดีย
คิดเป็น 63% ของประชากรทั้งประเทศไทยที่ติดเชื้อ และในกรุงเทพมหานคร พบสายพันธุ์เดลตาสูงถึง 77 % และในภูมิภาคอื่นๆ พบประมาณ 47% และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ลักษณะเด่น : ระบาดเร็ว แพร่เชื้อง่ายขึ้น 60% เชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายขึ้น และสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดี นำไปสู่อาการปอดอักเสบที่เร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมใน 3-5 วัน อาจไม่แสดงอาการแต่ได้รับเชื้อแล้ว
สายพันธุ์อัลฟา (Alpha) (B.1.1.7) หรือ สายพันธุ์อังกฤษ
คิดเป็น 34% ของประชากรทั้งประเทศไทยที่ติดเชื้อ
ลักษณะเด่น : แพร่เชื้อได้ไวกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม (อู่ฮั่น) ถึง 1.7 เท่า หรือประมาณ 40-70 % ติดต่อได้ง่ายขึ้น มีความรุนแรงมากขึ้น มีอัตราการเจ็บป่วย และเสียชีวิตสูงกว่าสายพันธุ์เดิม
สายพันธุ์เบตา (Beta) (B.1.351) หรือ สายพันธุ์แอฟริกาใต้
คิดเป็นประมาณ 3% ของประชากรทั้งประเทศไทยที่ติดเชื้อ
ลักษณะเด่น : ระบาดได้รวดเร็ว แพร่เชื้อได้ไวขึ้นราว 50% ลดประสิทธิภาพของแอนติบอดี้หรือคือสารที่สร้างจากระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ และลดประสิทธิภาพในการทำงานของวัคซีน
ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคและป้องกันการติดเชื้อของแต่ละวัคซีน
โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1
- สายพันธุ์เบงกอล (B.1.618 / D614G)
- สายพันธุ์อังกฤษ หรือ อัลฟา (B.1.1.7)
ประสิทธิภาพในการป้องกันโรค
- Pfizer/BioNTech : 91%
- Moderna : 94%
- AstraZeneca : 74%
- Janssen (Johnson & Johnson) : 72%
- Sinopham : 73%
ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ
- Pfizer/BioNTech : 86%
- Moderna : 89%
- AstraZeneca : 52%
- Janssen (Johnson & Johnson) : 72%
- Sinopham : 65%
กลุ่มที่ 2
- สายพันธุ์แอฟริกาใต้ หรือ เบตา (B.1.351)
- สายพันธุ์อินเดีย (B.1.617)
- สายพันธุ์บราซิล หรือ แกมมา (B.1.1.28.1 / P.1)
ประสิทธิภาพในการป้องกันโรค
- Pfizer/BioNTech : 86%
- Moderna : 89%
- AstraZeneca : 35%
- Janssen (Johnson & Johnson) : 64%
- Sinopham : 47%
ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ
- Pfizer/BioNTech : 82%
- Moderna : 85%
- AstraZeneca : 31%
- Janssen (Johnson & Johnson) : 57%
- Sinopham : 41%
อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคก็ยังมีโอกาสที่จะรับเชื้อโควิด-19 และแพร่กระจายอยู่ดี ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของวัคซีนของแต่ละตัวว่าสามารถยับยั้งการติดเชื้อและแพร่กระจายได้เท่าไหร่ และที่สำคัญตัวเราเองก็ต้องรักษาความสะอาด ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการอยู่พื้นที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกเพื่อลดโอกาสในการรับเชื้อ